SF Fic [request] : I'll servive #หยางเฟิง

SF Fic [request] : I'll servive #หยางเฟิง





…….At first I was afraid, I was petrified
Kept think ‘in I could never live without you by my side……..


เพลงที่ดังออกจากลำโพงตัวใหญ่ไม่ทำให้คนที่อยู่ในห้องแต่งตัวรู้สึกคึกคักมากเท่าไหร่ มือเรียวของคนที่ยังอยู่หน้ากระจกได้แต่สาละวนอยู่กับเครื่องสำอาง มือที่กำลังถือมาสคาร่าปัดขนตานั้นปัดซ้ำ ๆ จนขนตานั้นดกหนา เรียงสวยยิ่งกว่าติดขนตาปลอม ก่อนเอื้อมมือไปหยิบลิปสติกสีแดงร้อนแรงพร้อมพู่กันเพื่อทาสีบนริมฝีปากบางสวยเพิ่มความเย้ายวนชวนหลงใหลเป็นขั้นตอนสุดท้าย

ดวงตาสีน้ำตาลเข้มมองสบกับเงาในกระจก ก่อนจะยิ้มหวานให้ตัวเองเมื่อผลงานออกมาเป็นที่น่าพอใจ ใบหน้าคม ดวงตาหวานซึ้งที่ถูกตบแต่งด้วยการกรีดอายไลน์เนอร์ตวัดหางตา ทำให้ดูโฉบเฉี่ยวไปอีกเท่าตัว ประกอบกับริมฝีปากอิ่มที่สีแดงยิ่งทำให้ใบหน้านั้นดูสะดุดตามากขึ้นจนต้องเหลียวหลัง


อีก 10 นาทีจะเริ่มโชว์นะ พร้อมหรือยังเสียงที่ดังอยู่จากหน้าประตูเรียกให้คนสุดท้ายที่อยู่ในห้องแต่งตัวต้องรีบขานรับ

พร้อมแล้วค่ะมาดาม


เจ้าของร่างลุกขึ้นมองเงาตัวเองอีกครั้ง วิกผมยาวสีน้ำตาลดัดลอนคลอเคลียอยู่ข้างแก้ม และบางส่วนทิ้งตัวกระจายเต็มหลัง ร่างระหงอยู่ในชุดแนบเนื้อสีดำคอเต่าแขนยาวที่ดูเหมือนปกปิดทุกสัดส่วน แต่เว้าหลังเป็นทางยาวจรดบั้นท้าย ชายกระโปรงแนบต้นขาเรียวสวยยาวถึงข้อเท้า กับรองเท้าส้นสูงรัดส้นเท้าสีดำส่งผลให้ความเซ็กซี่ทะลุปรอท

หลังจากได้ยินเสียงคนข้างเวทีประกาศคิวตัวเอง ร่างสมส่วนก็ก้าวเท้าอย่างมั่นคงขึ้นไปบนเวที แสงไฟสปอร์ตไลท์จับเข้าที่กลางเวที ไฟฟอลโล่วส่องตามทุกย่างก้าว ดนตรีดังก้องไปทั่วบริเวณ เหล่านักเต้นรอบตัวขยับตามจังหวะเพลง เมื่อเดินถึงกลางเวทีที่เป็นตำแหน่งของตัวเอง เจ้าตัวก็ยกไมค์ขึ้นจ่อริมฝีปาก เปล่งเสียงร้องสะกดใจผู้ชมจนแทบลืมหายใจ

.
.
.
“ทำไมนังนี่ถึงได้เป็นคนปิดโชว์ เข้ามาได้ไม่ถึง 2 อาทิตย์เลยยะ ฉันอยู่มาเป็นปี ๆ ได้มาเป็นโชว์ Finally เอาเมื่อ 2-3 เดือนนี้นี่เองนะ แล้วพอมันมา ทำไมมันถึงได้ขึ้นไปเลย เหอะ สวยก็ไม่ได้สวยนักหนา ”

“แหมคุณพี่ขา คุณพี่ก็ต้องดูบ้างนะคะ ว่าใครแบ็คอัพนังนั่น”


เสียงพูดคุยที่ไม่เบานักไม่ทำให้คนอื่น ๆ ที่อยู่ในห้องแต่งตัวต้องสนใจ เพราะเป็นเรื่องธรรมดาของการแก่งแย่งชิงดีในที่แห่งนี้ แน่นอนว่าคนที่มีชื่อเสียง รายได้ก็จะยิ่งมาก ยิ่งเป็นที่โปรดปราณ ก็ยิ่งโด่งดัง แต่ตอนนี้ยังไงก็ต้องยอมรับคนบนเวที ว่านอกเสียจากจะมีความสวย ความสดแล้ว ผู้อุปถัมภ์ยังเป็นถึงเจ้าของสถานที่ที่ให้พวกเขาได้ทำมาหากินอีกด้วย


สิ้นเสียงดนตรีบ่งบอกว่าจบโชว์ เหล่านักแสดงโค้งตัวขอบคุณผู้ชมพร้อมเดินไปหน้าเวทีเพื่อถ่ายรูป และรับเงินพิเศษจากเหล่าเศรษฐีกระเป๋าหนัก ดาวเด่นของค่ำคืนนี้ถูกรั้งตัวไว้นานเป็นพิเศษ นานจนคนที่ยืนรออยู่ข้างเวทีทนไม่ไหว จนต้องรีบเดินออกไปขอตัวอีกฝ่ายให้รีบกลับเข้าหลังเวที ด้วยข้อแก้ตัวที่ฟังขึ้นว่าอยากให้นักแสดงได้พักผ่อน


มือใหญ่จับจูงข้อมือเรียวลากหายเข้าไปหลังเวที ตรงดิ่งไปยังห้องแต่งตัวที่กันพื้นที่ไว้เป็นพิเศษ เปิดประตู แล้วรุนหลังอีกคนให้เข้าไปพักด้านใน

“หยางหยาง เหนื่อยมากไหมครับ” หลังจากปล่อยให้ร่างระหงได้ทรุดตัวนั่งลงหน้ากระจก เจ้าของร่างที่พาตัวมาจากหน้าเวทีก็ยิ้มแย้มอ่อนหวาน เอาอกเอาใจจนคนฟังได้แต่ยิ้มหวานใส่

“ไม่เหนื่อยหรอกค่ะบอส”

“บอกกี่หนแล้วว่าให้เรียกเฟิงเกอ”


หยางหยางได้แต่กรอกตาขึ้นฟ้าในช่วงที่ บอส หรือเฟิงเกอตามที่อีกฝ่ายอยากให้เรียกไม่ทันเห็น ก่อนจะหันไปยิ้มหวานประจบเอาใจอีกฝ่าย แต่ก็ต้องสะดุ้งเมื่ออีกคนโน้มตัวลงมาหาจนริมฝีปากแทบจะประกบกันจนต้องรีบหันหน้าหนี ริมฝีปากที่เกือบจะทาบทับกันจึงเบี่ยงมาที่แก้มนวลแทน


“อุ๊ย บอสคะ อย่ารุ่มร่ามสิคะ เดี๋ยวใครเข้ามาเห็น”

       “ไม่มีหรอกน่า ไม่ต้องกลัว ห้องนี้ฉันสั่งไว้แล้วว่าห้ามใครรบกวน”


       มือของคนพูดยังไม่หยุดลูบไล้ไปตามสันหลังระเรื่อยลงมาเกือบถึงบั้นท้าย แต่ติดที่เสียงเคาะประตูทำให้เจ้าของสถานที่ดูจะหัวเสียที่มีคนมาขัดจังหวะ ในขณะที่คนถูกลวนลามกำลังโล่งอกจนต้องแอบถอนหายใจ


            เกาะติดเป็นเห็บเลยอีตานี่


         หยางหยางได้แต่คิดในใจ ใครจะกล้าด่าอีตานี่ได้ถ้ายังอยากมีที่อยู่มีเงินใช้ จึงได้แต่แอบขอบคุณคนเคาะประตูเงียบ ๆ แล้วลุกขึ้นจากที่นั่งไปเปิดประตูให้กับคนที่มาขัดจังหวะได้ทันเวลา


         “หยางหยาง อ้าว ยังเปลี่ยนเสื้อผ้าไม่เสร็จหรอจ๊ะ เดี๋ยวมาดามจะเรียกรวมแล้วนะ” คนมาใหม่ได้แต่ตำหนิคนในห้องโดยไม่ทันได้มองว่ามาขวางทางอารมณ์ใครเข้า

         “ออกไป! ไปบอกมาดามว่าวันนี้หยางหยางอยู่กับฉัน ไม่ต้องไปรายงานตัวกับใคร แล้วอย่าให้ใครมารบกวนที่นี่อีก!


         บอสใหญ่ถึงกับหงุดหงิดที่อีกฝ่ายไม่สนใจคำสั่งก่อนหน้านี้ของเขาแม้แต่น้อย รีบปิดประตูใส่หน้าจนทั้งคนในห้องและนอกห้องสะดุ้งโหยง


         อี้เฟิงเดินกระแทกส้นเท้าไปนั่งที่โซฟา ส่วนหยางหยางที่ยังคงยืนอยู่กลางห้องรีบกระวีกระวาดไปหาทางมุมห้อง เปิดตู้เย็นหยิบกระป๋องเบียร์เย็บเฉียบออกมาแล้วสาวเท้าเดินนำมายื่นให้กับคนอารมณ์ร้อน ยิ้มหวานก่อนทรุดตัวลงนั่งเบียดกับอีกคนอย่างเอาใจ
           

            “เฟิงเกอ ไม่หงุดหงิดนะคะ” หยางหยางนั่งลงพร้อมกับบีบนวดอีกฝ่าย อี้เฟิงอารมณ์ดีขึ้นหลังจากได้รับการเอาอกเอาใจจากคนที่กำลังอยากได้ มือใหญ่วางหมับเข้าที่ต้นขาของหยางหยาง ก่อนจะบีบเบา ๆ อย่างสื่อความหมาย


            หยางหยางหน้าร้อนจนแทบทำตัวไม่ถูก ได้แต่เอามือของตัวเองวางทับมือใหญ่แล้วดึงออกมากุมไว้เพื่อป้องกันอันตรายจากคนมือไวอย่างกับปลาหมึก เกาะติดยิ่งกว่าเห็บจนระอาใจว่าวันนี้จะเอาตัวรอดจากปากเหยี่ยวปากกานี่ได้อย่างไร


            “แหม อย่าเพิ่งใจร้อนสิคะเฟิงเกอ อุ๊บ”


            ไม่ทันได้ออดอ้อนถ่วงเวลา หยางหยางก็ถูกประกบริมฝีปากจากคนตรงหน้า ดูดดึงเคล้าคลึงแผ่วเบาก่อนถอนริมฝีปากออกแล้วก้มลงจะจูบอีกครั้งแต่คราวนี้หยางหยางเบี่ยงหน้าได้ทัน ริมฝีปากจึงประทับได้แค่มุมปากสวย อี้เฟิงเงยหน้ามายิ้มให้ ก่อนมือใหญ่จะลูบเลยจากต้นขาขึ้นมาถึงบั้นเอวแล้วรวบอีกฝ่ายเข้ามาชิดอก


            กริ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง


            เสียงโทรศัพท์ที่ดังแหวกความเงียบนั้นทำให้สองร่างบนโซฟาสะดุ้ง หยางหยางรีบลุกขึ้นจากตักอีกฝ่าย ก่อนจะพุ่งเข้าไปหยิบกระเป๋าและโทรศัพท์ที่ดังอยู่วิ่งออกจากห้องแต่งตัวอย่างรวดเร็ว ก่อนไปไม่ลืมเอ่ยขอตัวกับบอสใหญ่แต่ไม่ทันได้ให้อีกฝ่ายรั้งตัวไว้ ร่างเพรียวปิดประตูแล้วรีบสาวเท้าออกจากห้องทั้งที่ยังใส่ส้นสูง


            เสียงโทรศัพท์ยังดังอยู่อย่างนั้นเมื่อเจ้าของยังไม่มีเวลาจะรับสาย แม้จะขอบคุณอีกฝ่ายล้านหนที่ช่วยให้เขารอดจากการเสียตัวไปได้อีกวัน ส่วนคนในห้องที่ยังคงตะลึงไม่หายได้แต่เสยผมอย่างหงุดหงิด ยกเบียร์ขึ้นกรอกปากดับอารมณ์หงุดหงิดที่ไม่ได้กินเนื้อแกะหวาน ๆ เสียที

            .
            .
            .
หยางหยางที่หลบเข้ามาถึงห้องส่วนตัวได้ก็ถอดวิกผมลวก ๆ โยนรองเท้าส้นสูงปรี๊ดที่ใส่มาตลอดไปคนละทางสองทาง ก่อนทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่ม ๆ พร้อมต่อสายหาคนที่โทรมาช่วยชีวิตทันที  

            “ฮัลโหล เกอ ยังไม่เสร็จอีกหรอ ถ้าเกอยังไม่เสร็จ ผมต้องเสร็จแน่ ๆ เลย”
            “หยางหยาง อดทนหน่อยเหอะวะ ในพวกเราไม่มีใครหน้าสวยเท่าแกแล้ว ไม่งั้นหัวหน้าจะยกหน้าที่สืบวงในให้แกหรอ”
            “เกอ แต่เกอต้องเข้าใจสิ ผมต้องแต่งเป็นกะเทยไม่พอ ยังจะมีเห็บมาเกาะคอยจะดูดผมให้ช้ำอยู่เนี่ย ผมเสียหายนะโว้ย”

            เสียงตอบรับของปลายสายยังคงเป็นเสียงหัวเราะอย่างคนอารมณ์ดี แน่ล่ะสิ ก็ไม่ได้ต้องมาแต่งหญิง พูดจาคะขา ออดอ้อนเจ้านั่น ไม่มาเป็นเขาไม่รู้หรอกว่าต้องอดทนแค่ไหน เป็นแค่นักสืบหาเรื่องชู้สาวของมาดามเจ้าของคณะคาบาเร่ต้องลงทุนขนาดนี้ แล้วกว่าที่ทีมงานจะสืบได้ เขาไม่ต้องตกเป็นเมียชาวบ้านก่อนหรือไงล่ะ!

            “เกอไม่ใช่ผมนี่ ถ้าโทรมาช้าอีกนิดเดียว ผมคงลุกขึ้นมาคาราเต้ใส่แล้ว”
            “เอาน่า ไม่อยากโดนเสียบ คราวหน้าก็พลิกกลับเอาเองสิวะ แค่นี้คิดไม่ได้หรอไง”
“........ เออว่ะ ...... ทำไมผมคิดไม่ได้วะ ถ้าคราวหน้า….โอ๊ย เกอ ยังต้องมีคราวหน้าอีกหรอ”
“เหอะ อย่าบอกนะว่าเอ็งจะไม่ทำ ไม่ใช่ว่าที่แค่โวยวายเนี่ย ก็ถูกใจเขาเหมือนกันไม่ใช่หรือไง ถ้าเป็นคนอื่นแกเตะปากแตกแล้ว ไม่มานั่งให้เขาจับโน่นแตะนี่เอาหรอก”
.
.
.
ผมเกลียดคนรู้ทัน......
.....
.........


คราวหน้านะเฟิงเกอ คราวหน้า...




ว่าแต่ ผมเอารีมูฟเวอร์ไปไว้ไหนเนี่ย เดี๋ยวหน้าพังกันพอดี...





---จบเถอะจ๊ะ---



จากแท๊ก : #จะเขียนฟิคสั้นคู่หยางเฟิงตามคาร์แรกเตอร์ที่เมนชั่นมาสองเมนชั่นแรก

รีเควส : หยางกะเทย ของคุณแอฟ และ เห็บ จากกวาง เกิดเป็นฟิคนี้ละจ๊า อ่านแล้วเป็นไงก็เมนชั่นคอมเม้นท์มาหน่อยเน้อ 

ไปละจ๊ะ ม๊วฟฟฟฟฟฟฟ
             


ความคิดเห็น

  1. นี่คงเป็นช่วงอ่อนไหวสุดๆของหยางหยางแล้วล่ะคะ ที่ต้องมานั่งแต่งหน้าทาปาก5555555555 เป็นฟิคที่ต้องรีบอ่านให้จบให้เร็วที่สุด เราทำใจไม่ได้ 5555555555 #หยางกะเทย

    ตอบลบ

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Fic: (AU) ถิงออล : นายพลหื่น #1

(AU) SF FIC : TO BE LOVE #เกอกินเด็ก : #2 [ถิงหยวน]

Fic: (AU) ถิงออล : นายพลหื่น #3