SF Fic : #ฟิคแม่ทัพ ตอนที่ 1

#ฟิคแม่ทัพ ตอนที่ 1

#ฮั่นหยาง






               
                
                ดวงตะวันลับขอบฟ้าไปแล้ว มีเพียงจันทราที่สาดแสงเหลืองนวลอยู่กลางฟากฟ้า ราตรีที่เงียบงันมาเยียนอีกครั้ง ท่ามกลางเหล่าทหารที่ยังคงลาดตระเวนตามหน้าที่ และบางส่วนที่แยกย้ายกันพักผ่อนนั้น ยังมีชายผู้หนึ่งซึ่งนั่งอยู่ในกระโจมหลังใหญ่ที่สุด คิ้วหนาขมวดเข้าหากัน มือใหญ่กำแน่นอย่างใช้ความคิด ก่อนจะลุกพรวดขึ้นแล้วสาวเท้าออกจากที่พักของตน มุ่งไปทางด้านหลังที่มีกระโจมหลังเล็กกางไว้


                เสียงลมหายใจแผ่วเบากระทบโสตประสาทเป็นอย่างแรก ความมืดมิดที่ไม่มีแม้แต่ตะเกียงหรือเทียนไขจุดให้แสงสว่างยิ่งทำให้มองสิ่งใดได้เลือนราง แม่ทัพใหญ่หมุนกายออกไปหยิบตะเกียงเข้ามาวางไว้


                ร่างกายขาวเป็นสิ่งแรกที่เปิดเผยหลังจากได้รับแสงสว่าง ภาพที่ได้เห็นคือไส้ศึกร่างบางที่เปลือยท่อนบน แขนทั้งสองข้างถูกมัดห้อยไว้กลางกระโจม ศีรษะห้อยตก ผมสีดำปรกลู่ใบหน้า รอยแผลจากการลงแส้ของทหารคนสนิทที่ส่งมาสอบสวนยังคงมีให้เห็นตามหน้าอกและแผ่นท้อง แต่หยางหยางปากแข็งนัก ไม่ว่าจะถามเท่าใด ทรมานอย่างไรก็ไม่หลุดปากบอกความลับของแคว้นเฉินออกมาแม้เพียงครึ่งคำ


                แม่ทัพจางฮั่นหยิบถังน้ำขึ้นมาสาดน้ำใส่เชลยที่ยังคงหลับด้วยความอ่อนเพลียอยู่ให้ตื่นขึ้น หยางหยางที่โดนสาดน้ำเย็นเฉียบใส่เพียงกระพริบตาถี่ ๆ สะบัดน้ำออกจากใบหน้า จ้องมองไปยังผู้ที่ปลุกเขาด้วยความหยาบคาย แต่ริมฝีปากกลับเม้มแน่นด้วยความคิดที่ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ความลับที่เกี่ยวข้องกับท่านอ๋องของเขาจะไม่หลุดออกจากปากนี้เป็นแน่


                ความหนาวเย็นในยามราตรีบาดลึกเข้าไปถึงกระดูก ยิ่งโดนน้ำเย็นเฉียบสาดใส่ยิ่งคล้ายกับโดนเข็มนับร้อยทิ่มแทงตามร่างกาย หยางหยางหนาวจนเนื้อตัวสั่นสะท้าน แต่มิอาจแสดงออกถึงความอ่อนแอให้ศัตรูตรงหน้าได้เห็น แม่ทัพใหญ่ค่อย ๆ สาวเท้าเข้ามาใกล้ มือใหญ่กระชากผมเชลยศึกจนหน้าแหงนเงยขึ้นตามแรง


                “เมื่อใดเจ้าจะเข้าใจว่าปากแข็งไปก็ไม่มีประโยชน์”

                “.................”

                “หึหึ เจ้าจะทนเจ็บตัวแบบนี้ไปทำไม ในเมื่อเจ้าก็รู้ว่าข้าต้องการสิ่งใด”

                “หากข้ารู้ ข้าก็จะยิ่งไม่พูด เพราะสิ่งที่ข้ารู้ ไม่มีสิ่งใดจำเป็นต่อท่านแม้เพียงสักนิด”

                “เจ้าก็บอกสิ บอกสิ่งที่เจ้ารู้แก่ข้า แล้วข้าสัญญาว่าจะปล่อยเจ้าไป”

                “ข้ามิใช่ทารกไม่ประสีประสา ปล่อยข้าหรือ การปล่อยข้าก็เหมือนปล่อยเสือคืนป่า ปล่อยให้ข้าได้กลับไปหาผู้เป็นนาย ท่านจะปล่อยข้าได้หรือ เพราะฉะนั้น ต่อให้ข้าต้องจบชีวิตลงตรงนี้ ตรงหน้าท่าน ท่านก็จะไม่มีวันได้อะไรจากข้าทั้งสิ้น!”


                เพียะ!!


                เสียงฝ่ามือกระทบใบหน้าเสียงดังลั่นท่ามกลางความเงียบสงบ หยางหยางหันหน้ากลับมาหลังจากถูกตบจนหน้าสะบัด เลือดไหลซึมตามมุมปาก แต่เจ้าตัวยังคงยิ้ม แม้ว่าตอนนี้ทั้งร่างจะเจ็บปวดจนแทบกระอัก ทั้งอากาศที่หนาวเย็นเสียดแทงเข้าผิวหนัง ความปวดร้าวตามรอยแผลที่ถูกทรมาน ทำให้ร่างบางแทบไม่เหลือสติใดใด


                “บางที การปล่อยเจ้าก็เป็นความคิดที่แย่จริง ๆ นั่นแหล่ะ ข้าคิดว่า ในเมื่อทรมานแล้วเจ้ายังคงดื้อดึงแข็งขืนอยู่ การที่ข้าส่งคนเข้าไปข้างกายเฉินอ๋องบ้าง คงจะเป็นวิธีที่ดีกว่าสินะ หึหึหึ”

                “ท่านจะทำสิ่งใด!” หยางหยางเงยหน้ามองด้วยความตื่นตระหนก

                “อา เป็นอย่างที่ข้าคาดเดา เจ้าไม่ได้แยแสแม้กระทั่งชีวิตตัวเอง แต่ห่วงใยเฉินอ๋องที่อยู่ห่างไปหลายพันลี้ เจ้าเป็นห่วงเฉินอ๋อง นั่นเป็นความภักดี หรือความรักใคร่กันล่ะ”

                “คนชั่วช้า!”

                “ข้าหรือที่ชั่วช้า ไม่ใช่เฉินอ๋องหรอกหรือ ที่ส่งเจ้ามาสอดแนมข้าก่อน”

                “ข้าไม่...”

                “เจ้าจะบอกว่าเจ้าไม่ได้สอดแนมข้างั้นรึ คำโกหกแบบนี้หลอกผู้ใดมิได้หรอก ตราบใดที่เจ้ายังไม่ปริปากบอกข้า ว่าเฉินอ๋องมีแผนการใดที่ส่งเจ้ามาที่นี่ ก็อย่าได้หวังความปรานีจากข้า!!”


                จางฮั่นจากไปแล้ว เหลือเพียงเชลยที่ถูกกักขังไว้ ดีเท่าไหร่ที่ยังเหลือชีวิตรอด ความปวดร้าวแล่นเข้าสู่ร่างกายทุกครั้งที่ขยับตัว สายโซ่เสียดสีข้อมือบางจนบวมแดง ริมฝีปากปริแตก เลือดยังคงไหลซึมที่มุมปาก ขาเรียวแทบไม่มีแรงยืนหยัดทรงกาย เขาปรารถนาจะกลับไป กลับไปยังดินแดนของนายเหนือหัว บอกเล่าทุกอย่างของกองทัพนี้ให้ท่านอ๋องได้รู้


                แต่จะทำได้อย่างไรเล่า ในเมื่อยังคงไร้ความสามารถ จะหนีออกไปยังทำไม่ได้ สิ่งที่ทำได้ มีเพียงรักษาความลับของท่านผู้นั้นเอาไว้แม้สุดท้ายต้องตกตายลงอย่างไร้ค่าก็ตาม


#ฟิคแม่ทัพ


            “เชลยของเฉินอ๋องปากแข็งนัก” นายกองคนสนิทของแม่ทัพจางฮั่นพูดขึ้นเมื่อตามอีกฝ่ายกลับมาที่กระโจม

            “ท่านแม่ทัพจะทำอย่างไรต่อไปขอรับ”

            “คนของเราที่ส่งไปมีข่าวอะไรบ้างหรือไม่”

            “ยังไม่มีความคืบหน้าอื่นขอรับ นอกจากที่เฉินอ๋องส่งทัพหน้ามาเพิ่มอีกห้าพันนาเท่านั้น ส่วนเรื่องเสบียงของเรายังพอยืนหยัดไปอีกสามเดือน”

            “ดี เฉินอ๋องไม่ใช่คนโง่ ลำพังแผนการของเขาข้ายังพอเดาได้ถึงห้าหกส่วน แต่เชลยนั่น ท่าทางเป็นคนสำคัญทีเดียวล่ะ”

            “ท่านจะทำอย่างไรกับมันละขอรับ”

            “ถ้าการทรมานมันไม่สามารถทำให้เปิดปากพูดได้ ก็ใช้วิธีอื่นไงล่ะ แต่คืนนี้ปล่อยไปก่อนแล้วกัน เจ้าส่งคนไปเฝ้าไว้ให้ดี”





            ยามเช้ามาเยือน หยางหยางที่ไม่ได้แตะอาหารและน้ำมาเป็นวันสภาพเริ่มย่ำแย่มากไปกว่าเดิม ริมฝีปากแดงแตกช้ำ ร่องรอยแผลยังอยู่บนร่างกาย ความอ่อนเพลียทำให้สติอ่อนจางลงจนไม่ได้ยินเสียงร้องสั่งการหน้ากระโจม


            “ไปเอาตัวมันไปที่กระโจมของข้า”

            “ขอรับ”

            ทหารหน้ากระโจมรุดเข้ามาอย่างรวดเร็ว ปลดพันธนการเชลยที่แทบไม่มีแรงยืน ก่อนลากออกไปโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้สวมเสื้อ หรือกระทั่งไม่ได้ระวังบาดแผลอะไรทั้งสิ้น




            ก็เป็นเพียงไส้ศึก ใยต้องถนอมราวหญิงงาม




            หยางหยางถูกจับโยนกองอยู่แทบเท้าของเจ้าของกระโจม เขาเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนพยายามทรงตัวลุกขึ้น แต่ก็ถูกทหารเบื้องหลังเตะข้อพับจมล้มลงไปคุกเข่าอีกครั้ง แม่ทัพจางฮั่นขยับตัวไปข้างหน้า ลดกายลงจนใบหน้าแทบเสมออีกฝ่าย ก่อนจิกศีรษะของอีกคนจนหน้าหงาย



            “จนป่านนี้เจ้ายังไม่พูดอีกหรือไง”

            “............ ถุย!!”  หยางหยางที่ถูกกระชากผมจนหน้าหงายยังไม่วายถุยน้ำลายใส่อีกฝ่ายอย่างไม่เกรงกลัว

            แม่ทัพใหญ่เพียงแค่ปาดน้ำลายออกจากใบหน้า ก่อนยิ้มละไม


            “ตอนนี้เฉินอ๋องคงสำราญใจอยู่กับสนมคนใหม่ละมั้ง คงไม่รู้ว่าคนสนิทตัวเองกำลังโดนทรมานอยู่แบบนี้สินะ”


            “ท่านอ๋องไม่โปรดนางสนม อย่าได้มาหลอกข้าให้ยากหน่อยเลย คนชั่วช้า” เสียงแหบพร่าของหยางหยางดังขึ้น

            “อ้อ ข้าลืมระบุไปใช่ไหม สนมที่ส่งไปถูกใจเฉินอ๋องอย่างยิ่ง ทำไมข้าจะไม่รู้ว่ารสนิยมเฉินอ๋องเป็นอย่างไร”



            “เจ้า!!!”



            “ทำไม แทงใจดำเจ้าเพราะเจ้าเป็นห่วงเฉินอ๋อง หรือว่าแค้นใจที่คนบนเตียงนั้นไม่ใช่เจ้าเองต่างหาก”

            “หุบปาก!!!”


            “หึหึ จุดอ่อนของพวกเจ้า ข้าหามันมาได้ไม่ยากหรอกนะ” จางฮั่นพูดจบก็หันไปหานายทหารคนสนิท

        “เจ้าสั่งให้คนของเราบอกเฉินอ๋องหน่อยแล้วกัน ว่าตอนนี้ทัพเราขาดเสบียง ถ้าจะโจมตี ในสามราตรีเหมาะที่สุด อ้อ เอาให้เนียนหน่อยนะ”


           “สารเลว แผนการหลอกลวงโง่เขลาแบบนี้ ท่านอ๋องไม่โง่งมเชื่อเจ้าหรอก”

         “แล้วถ้าบอกว่าข่าวมันออกจากเจ้าล่ะ ท่านอ๋องของเจ้าจะเชื่อไหม หึหึ” หยางหยางเบิกตากว้าง ก่อนจะดิ้นสุดแรงแล้วถลาไปหาแม่ทัพตรงหน้า แต่ไม่ทันทำอะไรก็ถูกนายกองรวบตัวลงไปทรุดกับพื้นอีกครั้ง ก่อนที่จะลูกลากตัวออกไปจากกระโจม



#ฟิคแม่ทัพ



           



            

           



           ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 

ใคร #ทีมแม่ทัพ บ้างคะ

หรือว่า  #ทีมเชลย 

ชอบไม่ชอบยังไง ฝากคอมเม้นท์ด้วยนะคะ #ฟิคแม่ทัพ ค่ะ <3



ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Fic: (AU) ถิงออล : นายพลหื่น #1

(AU) SF FIC : TO BE LOVE #เกอกินเด็ก : #2 [ถิงหยวน]

Fic: (AU) ถิงออล : นายพลหื่น #3