[os] Stay : ฮั่นหยาง

[os] Stay : ฮั่นหยาง

















*อาจมีฝนที่หล่นมาชั่วคราว
และเมฆขาวที่ผ่านมาเพียงชั่วคืน
เจอะกับลมก็ปลิวไป
ไม่มีใครรื้อฟื้น
ไม่ได้เป็นความยั่งยืนเสมอไป

            มีเพลงเพลงหนึ่งที่ผ่านเข้ามาในความคิด ทำให้ผมรู้สึกว่างเปล่ามากกว่าที่เคยเป็น เรื่องราวมันไม่ได้ผ่านมานานเลยสักนิด ทุกสิ่งราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน ทุกครั้งที่นึกถึงคนคนนั้น มีทั้งความสุข รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ ความหวามไหว ความอ่อนโยนเอาใจใส่ของเขาคนนั้นยังผ่านเข้ามาในห้วงความทรงจำ

            เมื่อไม่นานมานี้ผมตัดสินใจลาพักร้อน รวบรวมเงินเก็บและโบนัสจากการทำงาน ซื้อทัวร์ไปยุโรป 8 วัน 5 คืน ด้วยราคาที่พอจะต้องกินมาม่าไปอีกหลายเดือน แต่ผมตัดสินใจแล้ว ผมต้องการความผ่อนคลายมากกว่าที่ตัวเองคิด ช่วงเวลา 3 ปีที่ผมทำงานหนักโดยไม่ได้หยุดพัก ไม่มีเวลาจนกระทั่งปีแรกของการทำงานก็ทำให้คนรักนอกใจเพราะไม่มีเวลาให้ ซึ่งหลังจากนั้น ก็ไม่มีใครฝ่ากำแพงงานที่สูงลิ่วเข้ามาอยู่ในใจของผมได้



...แต่กับเธอที่ผ่านมาชั่วคราว
และเรื่องราวที่เปลี่ยนไปชั่วข้ามคืน
กับอะไรที่เป็น ก็ยังไม่เคยลืม
เหมือนว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของหัวใจ
           


            หลังจากที่ดำเนินเรื่องเอกสาร ทั้งวีซ่า ตั๋วเครื่องบิน และการประสานกับทัวร์จนเรียบร้อย เมื่อถึงวันเดินทาง ผมหอบหิ้วกระเป๋าเดินทางใบใหญ่เพียงใบเดียว กับเป้ใส่ของใบเล็ก เดินเข้าไปที่สนามบินที่นัดหมาย ประเทศที่ผมจะไป คือ อิตาลี่ สวิตเซอร์แลนด์ และฝรั่งเศส เมืองในฝัน ความโรแมนติกที่ผมคาดหวังว่าจะทำให้อะไร ๆ เปลี่ยนไปบ้าง

            หลังจากยืนรอไม่นาน ก็มีเพื่อนร่วมทัวร์มาสมทบ ผมไม่ได้สนทนากับใคร เสียงเพลงเบา ๆ ที่ส่งออกมาจากหูฟังทำให้ผมรู้สึกดี จนกระทั่งมีผู้ชายคนหนึ่ง ท่าทางคล่องแคล่วมาแนะนำตัวว่าเป็นไกด์ ชื่อว่า จางฮั่น และเขาจะอยู่ร่วมกับเรา ดูแลลูกทัวร์ทุกคนตลอดระยะเวลาทัวร์

            เขาเป็นคนที่มีมนุษย์สัมพันธ์สูง ไกด์คนนั้นทักทายทุกคนด้วยรอยยิ้มแจ่มใส ผมรู้สึกดีที่เพื่อนร่วมทัวร์แต่ละคนดูเป็นมิตร และไม่มีเด็ก ๆ ในทัวร์ ไม่ใช่ว่าผมไม่ชอบเด็ก แต่ถ้าการไปผ่อนคลายของผมครั้งนี้ต้องเสียไปเพราะมีเด็กงอแง ผมคงเซ็งแย่เลย

            อีกอย่าง คนที่ไปทัวร์ด้วยกันคราวนี้ไม่มากนัก เพียง 5-6 คน เท่านั้น แถมยังเป็นคู่รักกันหมดเสียด้วย ผมเลยเป็นคนเดียวของกลุ่มที่เป็นเศษเพราะเดินทางคนเดียว ไกด์เดินเข้ามาทักผม แล้วบอกว่าเขาจะเป็นคนมานอนกับผม เพราะแต่ละคนมาเป็นคู่อยู่แล้ว เขาบอกผมว่า แต่ถ้าไม่สะดวกใจ หรืออยากอยู่คนเดียว ก็ได้ แต่จะต้องเพิ่มเงินเพื่อเปิดห้องเพิ่มในแต่ละคืน ผมปฏิเสธไป เพราะนอนกับใครก็ไม่สำคัญเท่าไหร่ อีกอย่างก็ผู้ชายทั้งคู่ ผมไม่มีอะไรต้องเสียหาย

            “คุณหยางหยาง” เสียงขานชื่อเพื่อเช็คจำนวนคนวนมาถึงชื่อของผม ผมตอบรับเพื่อยืนยันตัวตนอีกครั้ง
            “ครับ”
            “เอาล่ะครับ ครบทุกคนแล้ว ผม จางฮั่น ขอบอกกับทุก ๆ ท่านว่า ยินดีที่ได้ต้อนรับ และดีใจที่ทุกท่านไว้ใจควอลิตี้ เอ็กซ์เพลสทัวร์ของเรา ต่อจากวันนี้ เราจะอยู่ด้วยกัน ถ้าทุกท่านมีปัญหาอะไร ขอให้บอกผมทันทีเพื่อช่วยแก้ปัญหา ไม่ต้องเกรงใจนะครับ ผมจะดูแลทุกคนอย่างดี”


            ลูกทัวร์แต่ละคนงึมงำรับคำ ก่อนที่ไกด์จะพาทุก ๆ คนไปเช็คอิน ตรวจเช็คเอกสาร และขึ้นเครื่องบิน เตรียมลัดฟ้าไปที่เมืองแรกตามโปรแกรม มิลาน ประเทศอิตาลี่

พวกเรานั่งเครื่องบินรอบดึกที่สุด เพื่อไปถึงสนามบินมาลเพนซ่ามิลานในตอนเช้าตรู่ หลังจากที่นกยักษ์ลงจอดที่สนามบิน พวกเราทุกคนก็พร้อมผจญภัย ผมกระชับเสื้อกันหนาวตัวเก่ง ก่อนจะเดินออกมาด้านนอก หลังผ่านขั้นตอนการตรวจหนังสือเดินทางและรับสัมภาระเรียบร้อย ไกด์คนเก่งของพวกเราก็เดินนำทุกคนไปขึ้นรถโดยสารที่มารอรับ เพื่อไปถึงเมืองเวนิส เมืองท่องเที่ยวในฝัน และโด่งดังที่สุดในอิตาลี่

ระหว่างทาง ผมรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย ตอนนี้ในหัวไม่มีเรื่องงานหรืออะไรที่เป็นเรื่องเครียด ๆ อยู่เลย ผมได้แต่ค้นกระเป๋า หยิบกล้องคอมแพคตัวเล็ก ๆ ออกมาถ่ายรูปบรรยากาศในเมืองมิลาน ถนนที่แสนสวยงาม ข้างทางที่เต็มไปด้วยสีสันของผู้คน ได้ยินเสียงของไกด์หนุ่มที่กำลังอธิบายประวัติของเมืองและให้ความรู้ รวมถึงเล่าเรื่องราวสนุก ๆ ผ่านเข้ามาในหัว ผมอมยิ้ม ก่อนหยิบหูฟังขึ้นมาเสียบหูไว้ข้างหนึ่ง เปิดเพลงสบาย ๆ แบบที่ชอบเพื่อผ่อนคลาย

ไม่นานเลยที่รถจะพามาถึงจุดหมาย ถึงจะเป็นเวลากลางวัน แต่อากาศก็ไม่ได้ลดความหนาวเย็นลงเท่าไหร่ ไกด์หนุ่มนำทุกคนเข้าไปสู่ภัตตาราคารเพื่อเติมพลังให้พวกเรา ก่อนที่จะพาเราไปที่ ท่าเรือตรองเคตโต นั่งเรือข้ามไปฝั่งจัตุรัสซานมาร์โค เพื่อเดินเล่นสะพาน ที่เชื่อมระหว่างศาลและคุกหลวง และพาพวกเราเดินชมพิพิธภัณฑ์ ก่อนจะปล่อยให้พวกเราแยกย้าย เพื่อใช้เวลาช็อปปิ้งของที่ระลึก หรือกระทั่งให้ลองนั่งเรือกอนโดล่าชมบรรยากาศของคลองเล็กคลองน้อยก็ได้ แล้วนัดรวมตัวกันที่เดิม เพื่อกลับเข้าโรงแรมที่พัก

            ทุกคนในทัวร์แยกย้ายกันไปจนหมด จนเหลือแต่ผม และคุณไกด์ที่ยังคงแนะนำเส้นทางให้กับคู่รักคู่สุดท้ายที่แยกไป ผมหันไปมองไกด์คนเก่ง และเตรียมแยกไปเดินเล่น แต่เสียงของไกด์หนุ่มหยุดผมไว้เสียก่อน

            “คุณหยางหยาง”
            “ครับ?”
            “ถ้าไม่รังเกียจ ให้ผมนำเที่ยวไหมครับ”
            “ไกด์ไม่ไปพักผ่อนหรอครับ ผมเกรงใจ ผมเดินเที่ยวคนเดียวได้ครับ”
            “ไม่หรอกครับ ผมไม่ได้เหนื่อยอะไร คุณไปคนเดียว ผมเป็นห่วง รับรองไม่เก็บค่าบริการเพิ่มครับ ให้ผมไปด้วย มีแต่ถูกลงนะครับ” คนพูดได้แต่ขยิบตาให้ผม แล้วถือโอกาสตัดสินใจให้โดยการจับข้อมือผมเดินไปด้วยกัน


            ผมไม่ได้เดือดร้อนอะไรกับการมีเพื่อนร่วมทาง ดีเสียอีกที่ผมจะได้ไม่หลงทาง แถมยังมีเพื่อนคุยด้วย เราสองคนเดินไปตามตรอกซอกซอยโดยการนำทางของจางฮั่น ที่เดินไม่นานก็ทะลุถึงท่าเรือกอนโดล่า ไกด์หนุ่มตกลงราคากับคนเรือไม่นานก็ยิ้มร่าที่ได้ราคาพิเศษ ก่อนจะก้าวลงเรือ และคอยรอรับผมให้ลงไปนั่งในเรือด้วยกัน ระหว่างนั้นเรือโคลงเล็กน้อย แต่มือที่จับผมอยู่กระชับไว้มั่น จึงไม่มีอันตรายใดใด

            เราสองคนนั่งชมสถาปัตยกรรมของเวนิชไปเรื่อย ๆ คนข้าง ๆ ชี้ชวนให้ดูนั่นนี่ พลางอธิบายเรื่องราวต่าง ๆ ระหว่างที่นั่งเรืออยู่ด้วยกัน คนคัดท้ายที่คอยพายเรือคงนึกครึ่มอกครึ้มใจ ถึงได้ร้องเพลงภาษาอิตาลี่คลอไประหว่างพายเรือ ส่งผลให้บรรยากาศดูโรแมนติกมากขึ้นอีก

            “นี่ถ้ามากับแฟนก็คงดีนะครับคุณหยางหยาง ทำไมมาคนเดียวละครับ”
            “ก็ผมโสดนี่ครับ แล้วไกด์ล่ะ มาทำงานแบบนี้แฟนไม่ห่วงหรอครับ”
           “ฮ่า ๆ ทำงานแบบนี้มีแฟนไม่ได้หรอก คงโดนตีหัวแบะเพราะไม่ได้กลับบ้าน หรือไม่ทำงานไม่สนุกเพราะมีห่วงหน่ะครับ”
            “อ้อ แล้วทำไมถึงมาทำงานเป็นไกด์ละครับ”
            “ผมชอบเที่ยวไงครับ เป็นไกด์ได้เที่ยวไปทั่วเลย ได้เจอคนเยอะดีด้วย สนุกดีครับ”
            “ดีจังเลย ผมก็ชอบเที่ยว แต่ไม่ค่อยมีเวลาเท่าไหร่”
            “อยากจ้างไกด์พิเศษเรียกผมได้เลยนะครับ ฮ่า ๆ”
            “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมคงไม่ได้หยุดไปเที่ยวไหนอีกนาน”

            หลังจากที่ผมคุยกับคุณไกด์ไปเรื่อย ๆ สุดท้ายเรือก็วนมาจอดที่ท่าเรือที่จุดเริ่มต้น เวลาผ่านไปไม่นาน เราทั้งสองคนเดินต่อไปตามถนน เพื่อซื้อของที่ระลึก ผมได้หน้ากากคานิวัลแบบไม่หรูหรามากนักแต่มีเอกลักษณ์มาด้วยราคาไม่แพงจากการต่อของไกด์หนุ่มที่มาด้วยกัน หลังจากนั้นเราสองคนก็ได้ไปนั่งพักจิบกาแฟริมคลอง นั่งคุยกันไปเรื่อย ๆ จนใกล้ถึงเวลานัดหมายกับลูกทัวร์คนอื่น จึงได้ชวนกันไปรอลูกทัวร์คนอื่น เพื่อไปทานอาหารเย็น แล้วเข้าพักที่โรงแรมที่ทัวร์จองไว้

            ผมนั่งลงบนเตียงอย่างเหนื่อยอ่อน แล้วหยิบกล้องถ่ายรูปมาเช็ครูปวันนี้ที่ได้ถ่ายมา เป็นรูปวิวเสียครึ่งหนึ่งด้วยฝีมือผม และอีกครึ่งเป็นรูปผมที่อยู่ตามที่ต่าง ๆ เพราะระหว่างที่เดินเล่น ไกด์หนุ่มได้อาสาถือกล้อง คอยถ่ายรูปเขาให้ ซึ่งฝีมือของเขาก็ดีมาก ผมยิ้มออกมาเมื่อเห็นบางรูปเป็นรูปที่ถ่ายเวลาผมเผลอ แต่มันก็ดูดีไม่น้อยเลย

            ผมล้มตัวลงนอนสักพัก ก่อนจะลุกมาเปิดกระเป๋า หยิบชุดนอนและอุปกรณ์อาบน้ำแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างรวดเร็ว ไกด์หนุ่มยังไม่กลับเข้ามาที่ห้องพัก เพราะต้องไปตรวจตราความเรียบร้อยของลูกทัวร์ให้เรียบร้อยก่อน ผมจึงได้โอกาสอาบน้ำก่อนโดยที่ไม่ต้องเกรงใจว่าจะมีคนรอใช้ห้องน้ำต่อ

            หลังจากที่ผมออกมาจากห้องน้ำ ก็เจอคุณไกด์เพื่อนร่วมห้อง กำลังนั่งดูเอกสารอะไรท่าทางเคร่งเครียด ผมเลยไม่ได้ส่งเสียงอะไรรบกวนเขา เพียงแต่ก่อนนอนได้บอกให้เขาปลุกผมในวันพรุ่งนี้เมื่อถึงเวลาด้วย ก่อนจะล้มตัวลงนอน และผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว

            เช้าวันรุ่งขึ้นผมถูกปลุกด้วยการสะกิดจากคุณไกด์ ผมงัวเงียขยี้หูขยี้ตา อากาศที่นี่ดีจนอยากจะนอนต่อไปเรื่อย ๆ ไม่ติดว่าโปรแกรมวันนี้จะได้ไปช้อปปิ้งที่มิลาน แล้วต้องเดินทางข้ามไปสวิตในช่วงบ่ายแล้วล่ะก็ ผมคงขอคุณไกด์นอนต่อแน่ ๆ เลย

            หลังจากที่ทานอาหารเช้าเรียบร้อย ทุก ๆ คนก็พร้อมไปละลายทรัพย์กันที่เมืองแห่งแฟชั่นดีไซน์เนอร์ชื่อดัง หลังจากที่แยกย้ายกันแล้ว ก็เหลือผมสองคนกับคุณไกด์อีกครั้ง เราทั้งสองคนเดินเล่นไปเรื่อย ๆ แวะร้านโน้นเข้าร้านนี้อย่างสนุกสนาน ผมฝากกล้องไว้ที่คุณไกด์อีกครั้ง เจอมุมไหนสวย ๆ ผมก็จะสะกิดให้เขาถ่ายรูปให้ ที่นี่สวยจนผมลืมอาการปวดเมื่อยไปสนิท

            ตกบ่ายวันนั้น พวกเราข้ามพรมแดนไปยังสวิตเซอร์แลนด์ ระหว่างทางเต็มไปด้วยบรรยากาศธรรมชาติ ทั้งทุ่งหญ้า ภูเขา และทะเลสาบ อีกไม่นาน เมมกล้องผมคงเต็มแน่ ๆ

            เราเข้าพักในโรงแรมเมืองลูเซิรน์ พวกเราทุกคนที่เหนื่อยจากการเดินทาง หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จก็ได้แต่แยกย้ายเข้าห้องพักห้องใครห้องมัน

            ผมอาบน้ำเสร็จก็เห็นไกด์หนุ่มยังนั่งดูเอกสารอยู่ อดไม่ได้ที่จะเข้าไปเลียบ ๆ เคียง ๆ ช่วงนี้ผมรู้สึกสนิทกับคุณไกด์เป็นพิเศษ ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่าที่ว่าคุณไกด์จะดูแลผมเป็นพิเศษกว่าคนอื่น ๆ หรือว่ากลัวผมจะเหงาเพราะมาคนเดียวกันนะ

            หลังจากที่อีกคนเคลียร์เอกสารแล้ว ผมถามกำหนดการในวันพรุ่งนี้ และตั้งนาฬิกาปลุกด้วยตัวเองเพื่อไม่เป็นภาระให้กับอีกฝ่าย ซึ่งคุณไกด์ก็ได้แต่ยิ้ม แล้วบอกราตรีสวัสดิ์ บอกให้ผมฝันดี

            วันรุ่งขึ้นมาถึงอย่างรวดเร็ว วันนี้ผมจะได้ไปถ่ายรูป ได้ขึ้นกระเช้าไปดูเทือกเขาแอลป์ ก่อนจะข้ามไปที่ฝรั่งเศสในช่วงบ่าย ทุก ๆ คนดูตื่นเต้นที่ได้ขึ้นกระเช้าสูง ๆ กับวิวสวย ๆ และแน่นอนว่าผมฝากกล้องไว้ที่คุณไกด์ ซึ่งอีกฝ่ายก็ยินดีช่วยเหลือเต็มที่

            ผมผ่านอีกวันของการท่องเที่ยวมาอย่างมีความสุข ตอนนี้ผมอยู่ที่ฝรั่งเศสเมืองน้ำหอมเรียบร้อยแล้ว วันนี้พวกเราได้ไปถ่ายรูปหอไอเฟล เดินช็อปปิ้งจนปวดขา แต่ทุกอย่างมันสวยงามจนคุ้มค่าที่ได้มา ผมเหมือนตัวติดกับคุณไกด์มากขึ้นทุกที เพราะเวลาที่ปล่อยลูกทัวร์ไปตามสบาย คุณไกด์จะอยู่กับผมเสมอ คอยอธิบาย และชวนคุยโน่นนี่จนเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว พรุ่งนี้ก็เป็นคืนสุดท้ายที่จะอยู่ด้วยกันแล้ว ผมคงคิดถึงทริปนี้ไปอีกนาน



...เราไม่เคยจะรักกัน
มีแต่วันที่อ่อนไหว
ผ่านเลยไปและไม่เคยจะกลับมา



            วันสุดท้ายของผมที่ปารีสมีแต่ความประทับใจ เราไปชมพระราชวังแวร์ซายน์ ก่อนจะได้ละลายทรัพย์อีกครั้งที่ปารีส แล้วทานอาหารมื้อค่ำมื้อสุดท้ายของพวกเราที่ปารีส

            พวกเราทุกคนต่างสั่งไวน์มาเพื่อฉลองทริปของพวกเรา ไวน์ของฝรั่งเศสน่าประทับใจมาก มันรสชาติละมุนละไม จิบง่ายคล่องคอ รู้ตัวอีกทีผมก็ถูกหิ้วโดยคุณไกด์เข้ามาห้องพักเรียบร้อย

            “คุณไกด์”
            “ครับ หยางหยาง”
            “หลังจากนี้ เรา...คงไม่ได้เจอกันอีกแล้วใช่ไหม”




...เป็นแค่ความประทับใจ
ที่ยังคงแน่นหนา
มีแต่ฝนมีแต่ฟ้าที่เข้าใจ
           




            คุณไกด์ไม่ได้ตอบผม แต่ใบหน้าหล่อเหลานั้นก้มลงมาประกบริมฝีปากผมเป็นคำตอบรับ จูบนั้นแผ่วเบาราวขนนกปัดป่ายอยู่บนริมฝีปาก ก่อนจะเริ่มเคล้าคลึงหนักหน่วง ลิ้นร้อน ๆ ผ่านรอยแยกของริมฝีปากเข้าสำรวจ เกี่ยวพัน จนลืมเลือนเรื่องราว สติหลุดลอยไปกับความอ่อนหวานที่ได้รับ มือใหญ่ ๆ ลากไล้ไปตามสันหลัง ก่อนที่เขาจะดึงผมลงไปนั่งบนเตียง รอยจูบยังคงลากไล้ไปตามลำคอ ลมหายใจร้อนระอุปะทะใบหูจนขนลุกชัน ผมเงยหน้ารับสัมผัส ความอบอุ่นที่ได้รับทำให้รู้สึกดีเกินกว่าจะขัดขืน เราสองคนปลดเปลื้องเสื้อผ้าของกันและกันอย่างไม่เร่งร้อน ความร้อนในร่างกายเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ จากการเสียดสี มือทั้งสองลากไล้ไปตามเนื้อตัว ผ่านแผ่นอกและกล้ามท้อง ก่อนจรดริมฝีปากลากไล้ตามมือ ผมส่งเสียงออกมาด้วยความเสียวซ่าน เนื้อตัวคงแดงเห่อไปตามรอยจูบที่ได้รับ ร่างกายหยัดเกร็งจนกระทั่งอีกฝ่ายหยุดแล้ววกกลับมาจูบที่ริมฝีปากอีกครั้ง

            เหมือนว่าความต้องการที่ว่าจะพุ่งสูงเกินจะระงับ มือของไกด์หนุ่มเลื่อนไปจับเข้าที่กลางกายของผม เริ่มรูดรั้งจนผมต้องกำผ้าปูที่นอนไว้แน่น คลื่นความเสียวไหลมาตามไขสันหลังจนเกินจะทนไหว ก่อนที่คุณไกด์จะเลื่อนมือไปด้านหลัง เกลี่ยเข้ากับช่องทางรักของผมเบา ๆ เขาหยุดมือ และผละไปหาโลชั่นที่กระเป๋าเดินทางอย่างเร่งรีบ แล้วกลับมาพร้อมกกับโลชั่นเต็มฝ่ามือ เขาจูบผมอีกครั้ง และสอดนิ้วชุ่มโลชั่นเข้ามาในตัวผมช้า ๆ มันทั้งเจ็บทั้งเสียดจนอดร้องออกมาไม่ได้ น้ำตาไหลออกมาจากหางตา คุณไกด์จูบซับมันเอาไว้ด้วยความอ่อนโยน และคอยปลอบผมด้วยความนิ่มนวล จนกระทั่งความเสียวซ่านเริ่มเข้ามาแทนที่ จากหนิ่งเป็นสอง จากสองเป็นสาม จนผมเริ่มชินกับการมีอะไรมาเติมเต็ม

            คุณไกด์หยิบถุงยางขึ้นมาสำหรับตัวเอง พลิกตัวผมให้นอนคว่ำ ก่อนกดจูบที่หลังคอ เลื่อนลงมาที่ลาดไหล่ จากนั้นก็สอดแทรกแก่นกายร้อนระอุเข้ามาในตัวผมอย่างช้า ๆ

            “อึก เจ็บ”
            “หยางหยาง อ่า ไหวไหมครับ”
            “อื้อ อ่ะ วะ ไหวครับ”


            หลังจากที่คุณไกด์เข้ามาในตัวผมจนหมด เขาทิ้งไว้นิ่ง ๆ จนผมเริ่มรู้สึกดีขึ้น ก่อนจะเริ่มขยับช้า ๆ ด้วยความหนักแน่น แต่อ่อนโยนจนผมรู้สึกดี ก่อนจะค่อย ๆ เพิ่มความเร็วตามอารมณ์ที่พุ่งสูงขึ้น จวบจนพายุอารมณ์พัดผ่านไป เราทั้งสองคนยังทิ้งตัวลงนอนอยู่บนเตียงด้วยกันอีกพัก ก่อนคุณไกด์จะพยุงผมเข้าไปอาบน้ำ และพาผมเข้านอน





...ใต้ต้นไม้ที่ไม่มีร่มเงา
กิ่งก้านมันไม่ได้สูงสักเท่าไร
แต่รากลึกลงในดินหยั่งลึกลงในใจ
มีความหมายมากมายตลอดมา……..






            หลังจากที่ผมตื่นขึ้นมาด้วยอาการปวดที่ช่วงล่างนืดหน่อย นอกจากนั้นคุณไกด์ก็ไม่ได้มีท่าทีอะไรที่แปลกไปจากเดิม เขายังดูแลผม และทุกคนเป็นอย่างดีเหมือนเดิม วันนี้เป็นวันเดินทางกลับ เราดำเนินเรื่องเกี่ยวกับเอกสาร ขึ้นเครื่องบิน และกลับบ้าน แยกย้ายบ้านใครบ้านมัน โดยที่ทั้งหมด เหมือนจะเป็นความฝันตื่นหนึ่งเท่านั้น



...เราไม่เคยจะรักกัน
มีแต่วันที่อ่อนไหว
ผ่านเลยไปและไม่เคยจะกลับมา
...เป็นแค่ความประทับใจ
ที่ยังคงแน่นหนา
มีแต่ฝนมีแต่ฟ้าที่เข้าใจ




            หลังจากวันนั้น ผมกลับมาเปิดกล้องดูรูปที่ผมได้มาจากทริปนั้น ความว่างเปล่าเข้ามาจู่โจมใจของผม ทั้งเรื่องราว ทั้งรอยยิ้ม บทสนทนาทั้งหลายทั้งปวง และเรื่องคืนนั้น

.....ผมคงต้องเตือนตัวเองอีกที ว่าเราไม่ได้รักกัน เราไม่เคยรักกัน.....





END
----------------------------------------------------------------



*Cr. เพลง : Stay : ปาล์มมี่




กราบค่าาาาาาาา วันนี้มาแบบหน่วง ๆ ไม่เคยแต่งแนวนี้เลย ชอบไม่ชอบยังไง ติชมได้เลยนะคะ



#ฟิคสเตย์



ขอบคุณอีกครั้งที่เข้ามาอ่านค่ะ


---------------------------------

@Essorhino

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Fic: (AU) ถิงออล : นายพลหื่น #1

(AU) SF FIC : TO BE LOVE #เกอกินเด็ก : #2 [ถิงหยวน]

Fic: (AU) ถิงออล : นายพลหื่น #3