Fic : One day miracle of William chan Part 4

Fic : One day miracle of William chan Part 4 By @Essorhino
#หนึ่งวันมหัศจรรย์ของเฉินเหว่ยถิง


อันนี้คือวิ่งเปี้ยวโปรเจคนะคะ คือฟิคคนละสามหน้าถ้วนต่อกันของสามคนแบบไม่บอกพล็อตล่วงหน้า แต่งต่อกันแบบไม่รู้เหนือรู้ใต้ 55555 อยากรู้ไหมคะว่ามันจะจบยังไง เราก็อยากรู้ค่ะ ไม่ต้องถึงตอนจบหรอกค่ะ ตอนต่อไปจะเป็นไง มาลุ้นไปด้วยกันนะคะ





ความเดิมตอนที่แล้ว : http://nailokbailek.blogspot.com/2015/12/special-fic-one-day-miracle-of-william.html  BY : @Springbacon




‘สงบสุขบ้าบออะไรกัน’ เฉินเหว่ยถิงสบถกับตัวเอง ‘เพิ่งจะพูดไปหยก ๆ มีเรื่องอะไรอีกแล้ว
“ว่าไงน้อง มีเรื่องอะไร” ร่างสูงหันไปหาเจ้าเด็กคุมลานจอดรถคนเดิมที่หน้าตื่นเหมือนมีคนมาตายอยู่หน้ารถเขา
“พี่ พี่…..” คนตรงหน้ายังคงพูดจาตะกุกตะกักพลางหอบหายใจเพราะวิ่งมาแต่ไกล “มีคนถอยรถมาชนท้ายรถพี่แหน่ะ บุบไปหน่อยนึง คู่กรณีรอพี่อยู่ที่รถ”

เฉินเหว่ยถิงถอนหายใจเฮือกใหญ่บ่นงึมงำกับตัวเอง ใครว่าวันนี้สงบสุขกันวะ มีแต่เรื่องแต่เช้า ทั้งไฟไหม้คอนโด แพ้พนัน กระเป๋าตังค์เกือบหาย ชนคนจนเกิดเรื่องบ้า ๆ ในห้องน้ำอีก แล้วยังจะมามีคนถอยรถชนท้ายอีก เฮ้ออออออ” คนที่ทำได้เพียงแค่ปลงก็ได้แต่หอบหิ้วของพะรุงพะรังที่เจ้าเด็กตรงหน้าอาสามาช่วยแบ่งเบาไปบ้าง พลางก้าวเท้ายาว ๆ มุ่งหน้าไปทางรถที่จอดไว้

คู่กรณีที่รออยู่เห็นไกล ๆ แลดูคุ้นตาเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน พอร่างสูงเดินเข้าไปจนถึงก็พบว่าเป็นเด็กน้อยซานต้าคนเดิมเพิ่มเติมคือชุดใหม่ที่สะอาดเอี่ยม พูดแล้วยังเจ็บไม่หาย  คนตัวโตกว่าคิดในใจ เตะมาได้ คนยังไม่ทันทำอะไรเสียหน่อย
“ลุงอีกแล้วหรอเนี่ย ทำไมซวยขนาดนี้วะ” ซานต้าน้อยเอ่ยเสียงดังอย่างอารมณ์เสียเมื่อเห็นว่าคู่กรณีตัวเองเป็นใคร
“พูดดีดีหน่อยไอ้หนู คราวนี้นายเป็นฝ่ายผิดนะ” เฉินเหว่ยถิงเอ่ยเมื่ออีกฝ่ายไม่คิดจะขอโทษแถมยังทำตาขวางใส่อีก “รถนายมีประกันไหมเนี่ย” ร่างสูงถามขึ้นอย่างตัดปัญหา
“ไม่รู้สิ มีมั้ง ไม่ใช่รถผม” คนตัวเล็กกว่าก็ยังคงตอบแบบไม่สบอารมณ์ พลางเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มแบบกวน ๆ แล้วหันกลับไปที่รถแล้วหยิบอะไรบางอย่างโยนใส่หน้าร่างสูง “อ้อ จะว่าไป เอาเสื้อลุงคืนไปเลย”
เฉินเหว่ยถิงแทบจะรีบเสื้อที่ถูกโยนมาแทบไม่ทัน ก่อนจะหันไปที่รถเอาของทั้งหลายในมือไปเก็บ แล้วก็ สำรวจร่องรอยความเสียหายที่เกิดขึ้นกับตัวรถ ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นหลักฐาน ก่อนตัดสินใจปล่อยผ่านเพราะยังไงรถก็มีประกันชั้นหนึ่ง
“นายเอาชื่อกับเบอร์นายมา แล้วก็จดทะเบียนรถไว้ด้วย เดี๋ยวฉันไปแจ้งประกันเอง”
“เรื่องอะไรผมจะต้องให้เบอร์ผมด้วย เผื่อลุงจะเอาไปโทรหาผมดึก ๆ แล้วทำอะไรโรคจิต ๆ ผมจะทำยังไง”
“นี่ ฉันไม่ได้พิศวาสเด็กอะไรแบบนายหรอกนะ  ถึงแม้ว่าจะขาวไปหน่อยก็เถอะ” ประโยคแรกร่างสูงก็พูดเสียงดังอยู่หรอก ส่วนประโยคหลังพูดงึมงำกับตัวเองเสียมากกว่าเพราะไม่อยากเสี่ยงโดนเตะซ้ำเข้าที่เดิมจนลูกชายใช้งานลำบากเปล่าๆ
“ยังไงฉันก็แค่ส่งเรื่องต่อให้ประกัน อย่าเรื่องมากนักเลย ฉันรีบนะเนี่ย” ร่างสูงพูดสำทับเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้ายังยึกยัก
เชียนซีที่ไม่อยากให้มีปัญหาอีกก็หันไปคว้าปากกากระดาษจากหน้ารถมาเขียนชื่อ เบอร์โทรตัวเองและทะเบียนรถตามที่อีกฝ่ายต้องการแล้วยัดใส่มือใหญ่ ก่อนจะรีบมุดเข้ารถแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว

เฉินเหว่ยถิงที่คลี่กระดาษออกมาอ่านก็ได้แต่ส่ายหัวอย่างปลง ๆ ก่อนจะส่งข้อความไปหาจิ่งป๋อหรันว่าตัวเองคงไปสายเพราะเกิดเรื่องขึ้น ซึ่งได้รับข้อความตอบกลับมาแทบจะทันทีว่าไปช้าได้ แต่ยังไงก็ต้องไป
ร่างสูงอมยิ้มก่อนเปิดประตูรถเข้าไปประจำที่นั่ง แล้วรีบขับรถกลับคอนโดของตัวเองอย่างรวดเร็ว ยังดีที่วันนี้รถไม่ติดมากนักทั้งที่เป็นวันเทศกาล แต่กว่าจะถึงคอนโดได้ก็ปาเข้าไปทุ่มกว่าแล้ว


เฉินเหว่ยถิงเปิดประตูเข้าไปในคอนโดของตัวเองก็พบเข้ากับหวังหยวนและครอบครัวของน้องอยู่ที่ห้องรับแขก ดูท่าทั้งหมดคงไม่กล้าขยับตัวไปไหนมากมายด้วยความเกรงใจเจ้าของห้องอย่างเขา น้องของหวังหยวนหลับอยู่กับตักแม่ที่โซฟาตัวกว้าง ส่วนเจ้าตัวก็ยังนั่งดูทีวีที่เปิดไว้พลางคุยกับแม่ของตัวเองเบา ๆ
“สวัสดีครับคุณน้า” ร่างสูงเอ่ยทักพร้อมกับวางของลงกับเคาน์เตอร์ครัว
“ไหว้พระนะลูก”
“คุณน้าที่ห้องเป็นยังไงบ้างครับ”
“ก็ยังไม่เรียบร้อยเลยลูก ที่นิติบุคคลเขาจะดูแลเรื่องซ่อมแซมให้ แต่ต้องออกจากห้องซักพัก”
“งั้นก็อยู่ห้องผมก่อนก็ได้ครับ คุณน้ากับน้องอยู่ห้องพักแขกได้นะครับ หวังหยวนให้มานอนกับผมก็ได้” ร่างสูงเอ่ยปากบอกกับผู้สูงวัยกว่าอย่างมีน้ำใจ เพราะอย่างไรก็คุ้นเคยกันมานาน
“จะดีหรอลูก น้าเกรงใจ ขนาดวันนี้มานั่งอยู่นี่น้ายังเกรงใจเหว่ยถิงเลย”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ถือว่าช่วยผมดูแลบ้านก็ได้ ผมซื้อของกินมาเต็มเลย มาทานกันนะครับ ผมฝากห้องอีกที ใช้ห้องได้ตามสบายเลยนะครับ เดี๋ยวผมไปอาบน้ำแล้วจะออกไปข้างนอกอีกรอบ”
พอพูดจบร่างสูงของเฉินเหว่ยถิงก็ไม่รอให้ใครได้ทักท้วง รีบเดินเข้าห้องตัวเองไปอาบน้ำเพราะเหนียวตัวเต็มทน เขาถอดชุดที่เปื้อนน้ำหวานโยนลงตะกร้า ก่อนหยิบเพียงผ้าขนหนูติดมือเข้าห้องน้ำไปผืนเดียว
เฉินเหว่ยถิงไม่ได้โอ้เอ้อยู่ในห้องน้ำนานนัก เพียงไม่ถึง 15 นาทีในการชำระร่างกาย ร่างแกร่งก็เดินพันผ้าขนหนูออกมาจากห้องน้ำ หาเสื้อผ้าใส่ด้วยความไวแสงเพราะคาดว่าตัวเองน่าจะสายเต็มทีแล้วจึงรีบเดินออกจากห้องไป เขามองนาฬิกา 20.15 .

“เสี่ยวหยวน นายนอนไปก่อนได้เลยนะ ไม่ต้องรอเกอ”
“ครับเกอ ขอบคุณนะครับ สำหรับทุกอย่างเลย” หวังหยวนที่เพิ่งล้างจานเสร็จวิ่งมากอดเข้าที่เอวร่างสูง ฝังหน้าลงกับอกกว้างอย่างมีความสุข
“เรื่องเล็กน่า เกอไปแล้ว สายมากแล้ว”
หลังจากที่โบกมือบ้ายบายเด็กหนุ่มรุ่นน้องแล้ว เฉินเหว่ยถิงก็แทบจะวิ่งสี่คูณร้อยกลับมาที่รถของตัวเองแล้วขับไปที่หมายด้วยความไวแสงพลางคิด
ถ้าไม่รีบ มีหวังโดนเทียนอวี่ด่าหูชา


            หลังจากวนหาที่จอดรถจนน้ำมันจะหมดถังแถมเสียเวลาไปกว่า 20 นาที เฉินเหว่ยถิงก็สาวเท้ายาว ๆ เท่าที่ขาจะก้าวถึงเข้าไปด้านในผับกึ่งร้านอาหารที่เป็นร้านประจำของพวกเขาตั้งแต่สมัยเรียน เสียงโหวกเหวกโวยวายเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่จำเป็นต้องถามว่ากลุ่มของตัวเองอยู่ตรงไหนกันทำให้ร่างสูงต้องรีบก้าวเท้าให้เร็วกว่าเดิม

            “สายตลอดนะเหว่ยถิง” เสียงเย็น ๆ ของหม่าเทียนอวี่ดังขึ้นทันทีที่เฉินเหว่ยถิงเดินมาถึงโต๊ะ
            “เอาน่าเทียนอวี่ หมอนี่ส่งข้อความมาบอกฉันแล้วนี่นาว่าเกิดแอ็คซิเดนท์ โดนซานต้าถอยลากเลื่อนกวางเรนเดียร์มาชนรถเบนซ์เข้านี่นา” เสียงของจิ่งป๋อหรันดังขึ้นทันทีอย่างต้องการไกล่เกลี่ยอารมณ์เจ้าแม่ประจำกลุ่ม
            “อะไรของนายน่ะจิงเป่า เรนดงเรนเดียร์อะไร” จางฮั่นหันหน้ามาถามทันทีที่ได้ยินเสียงแว่ว ๆ จากที่หันไปมองนักร้องบนเวทีอยู่นานสองนาน
            “ช่างเถอะจางฮั่น” จิ่งป๋อหรันเอ่ยพร้อมโบกมือไปมาทำนองว่าไม่มีอะไร
            “แล้วมากันแค่นี้หรอ” เฉินเหว่ยถิงหันไปหาเพื่อนที่เป็นคนนัดเขามาในวันนี้
            “ยังหรอก เดี๋ยวเห็นว่าอี้ฝาน อี้ชิง แล้วก็ลู่หานก็จะมาด้วย” จิ่งป๋อหรันหันมาตอบเพื่อน มือก็ชงเหล้าส่งให้เพื่อนอย่างชำนาญ
            “อ้าว ไอ้พวกนี้ด้วยหรอ” เฉินเหว่ยถิงเอ่ยอย่างแปลกใจพลางรับแก้วเหล้าจากเพื่อนมาจิบ “อื้อหือ เพิ่งจะมา อย่าชงเข้มนักสิวะ ต้องขับรถกลับนะเว้ย”
            “แหม จะได้เมาทันพวกฉันไงวะ” จิ่งป๋อหรันหันกลับมายิ้มให้พลางตอบกลับยิ้ม ๆ

            บรรยากาศในวงเหล้าเป็นไปอย่างคึกคัก ต่างคนต่างเล่าเรื่องที่เผชิญมาทั้งปี บทสนทนาไหลไปเรื่อย ๆ อย่างไม่จบไม่สิ้น ตั้งแต่เรื่องตั้งแต่สมัยเรียน วีรกรรมสุดแสบของแต่ละคนที่ขุดกันมาเผาเล่าได้ไม่เบื่อ จนกระทั่งถึงหัวข้อนินทาอาจารย์ ลามไปยันเรื่องครอบครัวและไม่วายลงไปถึงเรื่องบนเตียงตามประสาผู้ชายเมาท์มอยในวงเหล้า

            หลังจากเวลาผ่านไปจนนาฬิกาบอกเวลาเกือบสี่ทุ่ม อี้ชิงกับลู่หานก็ตามเข้ามาสมทบ บทสนทนายิ่งทวีความสนุกสนานจากเรื่องเล่าของรุ่นน้อง เฉินเหว่ยถิงที่ตั้งแต่มาก็กระดกเหล้าเข้าปากไปไม่น้อยจึงขอตัวไปเข้าห้องน้ำ

            ร่างสูงที่เข้ามาทำภารกิจของตัวเองจนเสร็จเรียบร้อยก็หมุนตัวหันไปล้างหน้าล้างตาให้ตัวเองสร่างเมาอีกสักนิด ก่อนที่จะหันกลับออกจากห้องน้ำก็ได้ยินเสียงอะไรเข้าอีก

            “อะ อื้อ แฮ่ก”

            วันนี้มันอะไรกันวะ เฉินเหว่ยถิงสบถกับตัวเอง


            “อะ อื้อ คริส เบา นะ หน่อย” เสียงที่ดังอยู่ในห้องน้ำก็ยังคงเล็ดลอดออกมาอย่างต่อเนื่องจนคนได้ยินได้แต่หงุดหงิดในใจ 

            อีกแล้วหรอวะเนี่ย!



ติดตามพาร์ทต่อไปได้ที่ @Conicat_ นะคะ มีอีก 2 พาร์ทค่ะ 


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Fic: (AU) ถิงออล : นายพลหื่น #1

(AU) SF FIC : TO BE LOVE #เกอกินเด็ก : #2 [ถิงหยวน]

Fic: (AU) ถิงออล : นายพลหื่น #3