AU Special Fic : ONE SHOT [#หยางเฟิง]
(AU : YangFeng Fiction) : Essorhino
คำเตือน : ฟิคเรื่องนี้
ชายรักชายนะคะ แล้วก็เป็นจินตนาการของผู้แต่งเท่านั่น โปรดใช้วิจารณญาณค่ะ
One Shot
‘แชะ’ ‘แชะ’
เสียงกดชัตเตอร์ดังขึ้นข้าง ๆ
ตัวจนผมต้องหันไปมอง ผมกวาดสายตาไปเรื่อย ๆ
ก่อนจะพบกับผู้ชายคนหนึ่ง ที่ฝั่งตรงข้าม ชายคนนั้นเพิ่งลดกล้องลงจากใบหน้า
เผยให้เห็นว่าหลังเลนส์กล้องตัวใหญ่นั้นคือใบหน้าหล่อเหลาราวสรรสร้างมาจากสวรรค์
ตาคม ๆ กับสันจมูกโด่ง ๆ ริมฝีปากบางเฉียบเม้มแน่นยามเขาก้มลงไปเช็ครูปในกล้อง
ก่อนจะเผยยิ้มออกมาทำให้โลกสว่างไสว แววตาพึงพอใจฉายชัด คนคนนั้นเงยหน้าขึ้น
และกวาดสายตาไปเรื่อย ๆ เหมือนมองหามุมใหม่ ๆ ในการถ่ายรูป
จนกระทั่งสายตาของเราประสานกัน
‘ฟึบ’
ผมหันหน้าหลบสายตาเขา
เบี่ยงตัวหันกลับ ก่อนยกมือขึ้นวางทาบลงที่อกของตัวเอง หัวใจบ้า เต้นเบา ๆ หน่อยสิ
เต้นดังกลบเสียงคลื่นหมดแล้ว
ผมมองออกไปยังวิวตรงหน้า
ทะเลสีฟ้าใสราวกับกระจก กับท้องฟ้าครามทอดยาวสุดลูกหูลูกตา ลมเย็น ๆ กับเสียงคลื่น
ทำให้ใจผมสงบลงได้ไม่ยาก บนเรือสำราญที่เล่นไปในทะเลเมดิเตอร์เรเนี่ยนเป็นความไฝ่ฝันของนักท่องเที่ยวคนหนึ่งที่จะผลักดันตัวเองให้ขึ้นมาเหยียบบนนี้ได้
ด้วยเงินไม่ใช่น้อยเหมือนกัน
ผมปล่อยความคิดให้ล่องลอยอีกครั้งเพื่อขับไล่อาการใจสั่นหลังสบตาช่างภาพคนนั้นไป
ผมยังต้องอยู่บนเรือลำนี้อีก 2 วัน กว่าจะได้ขึ้นฝั่ง
ผมจะเจอเขาให้ใจเต้นอีกกี่ทีกันนะ แต่ไม่บังเอิญขนาดนั้นมั้ง เรือก็ออกจะกว้างขวาง
“มาคนเดียวหรอครับ”
เสียงทุ้มดังขึ้นข้างหูทำเอาผมสะดุ้ง
พอหันกลับไปมองก็ต้องเม้มปากแน่น กลั้นลมหายใจตัวเองสุดความสามารถ
‘ใกล้…. ใกล้ไปแล้ว’ หลี่อี้เฟิงคิดในใจ
‘ตึกตึก ตึกตึก’ เต้นเบา ๆ สิ มีสติหน่อย
“ครับ มาคนเดียว ผม หลี่อี้เฟิงครับ” หลังจากที่หายตกตะลึง
ผมก็จะถอยหลังออกมาให้ระยะห่างของเรามีมากขึ้น แต่ผมคงลืม
ว่าด้านหลังเป็นรั้วขอบเรือที่สูงระดับเอวของผมเท่านั้น
จึงเกือบที่จะตกเรือถ้าคนตรงหน้าไม่คว้าเอวเอาไว้เสียก่อน
“ระวังหน่อยนะคุณ
อันตราย” เสียงทุ้มดังขึ้นริมหูอีกครั้ง ลมหายใจร้อน ๆ ของอีกฝ่ายรินรดข้างแก้ม
หลี่อี้เฟิงพยุงตัวเองให้ยืมอย่างมั่นคงอีกครั้ง แล้วดันอีกฝ่ายให้หลุดจากอ้อมกอด
“ขอบคุณที่ช่วยไว้ครับ”
‘ช่วยบ้าอะไร
นายนั่นแหล่ะเกือบทำให้ฉันหล่นลงไป’ ผมได้แต่คิดในใจ
“ผมชื่อหยางหยางครับ” ช่างภาพหนุ่มเอ่ยแนะนำตัว
ก่อนเดินมายืนข้าง ๆ ผม ท้าวแขนลงบนรั้วเรือ แล้วหันมาทางผม
“คุณอี้เฟิงทำไมมาคนเดียวละครับ
ทริปแบบนี้ผมเห็นเค้ามาเป็นคู่กันทั้งนั้น”
“ก็ผมไม่มีคู่ไงครับ ฮ่าๆ แล้วคุณละครับ
คุณหยางหยางมาคนเดียวเหมือนกันหรอ”
“ครับ ผมมันก็คนไร้คู่ ปกติผมฉายเดี่ยวครับ
เวลาไปไหนสะดวกดี ไม่ต้องรอใคร”
“อ้อ จริง ๆ มีคนมาด้วยก็ดีนะครับ อย่างน้อยก็มีเพื่อนคุย”
“ก็จริงครับ อย่างน้อยตอนนี้ผมก็มีคุณไงครับ คุณอี้เฟิง”
‘ตึกตึก
ตึกตึก’
อีกแล้ว แค่เขาพูดไม่กี่คำ ใจเต้นรัวเป็นกลองเพลอีกแล้ว
หยุดนะ!!
“นั่นสินะครับ คุณหยางหยางเป็นช่างภาพหรอครับ”
“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ งานอดิเรกนะครับ”
“ผมนี่ถ่ายรูปไม่เป็นเลยครับ ถ่ายวิวสวย ๆ
ก็ยังไม่สวยเหมือนที่เขาถ่ายกัน แย่จังเลย”
“ฮ่า ๆ จริง ๆ ก็ไม่ยากหรอกครับ ใส่ความรู้สึกลงไปตอนถ่ายสิครับ
ตอนถ่าย เรารู้สึกอย่างไรกับภาพหน้าเลนส์เรา ถ่ายด้วยความรู้สึกนั้นแหล่ะครับ
ภาพของคุณจะมีชีวิตชีวาจริง ๆ”
“แหม ดีจังเลย ผมขอดูรูปในกล้องคุณได้ไหมครับ”
“อ่า จะดีหรอครับ ผมไม่ได้ถ่ายสวยอะไรเลยนะครับคุณอี้เฟิง”
“นะครับ ผมอยากเห็น”
“ก็ได้ครับ ไม่สวยก็อย่าว่าผมแล้วกัน”
หยางหยางส่งกล้องถ่ายรูปตัวโตให้อีกฝ่ายโดยดี
พลางมองหน้าคนข้างตัวไปด้วย เมื่อไหร่ไม่รู้ที่ผมเปลี่ยนจากใจการถ่ายวิวรอบ ๆ ตัว
ทั้ง ๆ ที่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเป็นทะเลที่สวยเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก
แต่ผมกลับไม่ได้ใจจดใจจ่อกับการถ่ายวิวทิวทัศน์ราคาหลายแสน
แต่กลับหมุนเลนส์มองหาคนคนหนึ่ง คนข้าง ๆ ตัวผม อาจจะเป็นเมื่อวาน
ตอนที่ผมเห็นรอยยิ้มของเขาที่ยิ้มและหัวเราะกับแม่ลูกชาวอังกฤษ
หรือว่าจะเป็นเมื่อคืนที่ห้องอาหารของเรือ เขาทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย ยิ้มจนตาโต
ๆ นั้นเปล่งประกายจนผมนึกเสียดายที่ไม่ได้พกกล้องติดตัวไว้
เช้าวันนี้อากาศดี ผมออกจากห้องพักพร้อมกับกล้องตัวโปรด
เดินสูดกลิ่นทะเลให้ฉ่ำปอด ก่อนที่จะชะงักเพราะวิว ๆ หนึ่ง สมองยังไม่ทันสั่งการ
แต่มือยกขึ้นส่องกับตาแล้วกดชัตเตอร์อย่างไม่ทันคิด
‘แชะ’ ‘แชะ’
อาาา ท่าทางเสียงชัตเตอร์จะดังไปใช่ไหม ผมลดกล้องลง
เช็ครูปภาพที่ได้อย่างพอใจ ก่อนที่จะเงยหน้าและได้สบตากับดวงตากลมโตคู่นั้น
......กล้องผมแทบหลุดมือ……
“อ๊ะ”
ผมหยุดความคิดตัวเองลงเมื่อได้ยินเสียงอุทานหวาน ๆ
ของคนข้าง ๆ ตัว
…….เห็นแล้วสินะ…..
รูปในกล้องของหยางหยางสวยมาก ทะเลที่ผมมองจากรูปมันดูอบอุ่น
บางรูปก็ดูเหงา ผมเลื่อนรูปดูไปเรื่อย ๆ อย่างเพลิดเพลินจนถึงสองรูปสุดท้าย
“อ๊ะ”
นี่มัน….รูปของผม
รูปตอนทีเผลอเมื่อกี้ ที่ผมได้ยินเสียงชัตเตอร์นี่เอง
ผมหันไปมองเจ้าของกล้องถ่ายรูป สลับกับรูปที่โชว์อยู่อย่างอึ้งนิด ๆ
“ขอโทษนะครับ ที่ไม่ได้ขอก่อนถ่าย
แต่มือมันไปก่อนสมองน่ะครับ” หยางหยางเอ่ยขึ้นเมื่ออี้เฟิงมองมาหาเขา
“กะ ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ครับ”
“ถ้าคุณไม่รังเกียจ ทริปนี้
ช่วยเป็นแบบให้ผมถ่ายรูปหน่อยได้ไหมครับ จะให้ดี ก็ช่วยมาเป็นคู่กับผม
ให้ทริปนี้ไม่เหงา นะครับ”
“ถ่ายแค่จบทริปนี้หรอครับ” อี้เฟิงถาม
พลางส่งกล้องคืนให้กับเจ้าของ ซึ่งยิ้มรับแล้วนำกล้องกลับมาคล้องคอตัวเอง
“ทริปนี้ ทริปหน้า ทริปไหน ๆ ตลอดไปเลยก็ได้ครับ”
“ถ่ายให้หล่อ ๆ แล้วกันนะคุณหยางหยาง”
--------------------------------The
END----------------------------------
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น