Drunk in love 6 : Dark night or Sweet night
DRUNK IN LOVE
(AU : YangFeng Fiction) : Essorhino
คำเตือน : ฟิคเรื่องนี้
ชายรักชายนะคะ แล้วก็เป็นจินตนาการของผู้แต่งเท่านั่น โปรดใช้วิจารณญาณค่ะ
บทที่ 6 :
Dark night or Sweet night
Cr.
Pic file:///D:/back%20up%2021032014/private/Drunk/data/5%20%E0%B8%84%E0%B9%87%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A5%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B8%81%20!!!%20-%20Pantip.html
เฉินเสียงกำลังร้องไห้
น้ำตาที่ไหลออกมายังไม่เท่าความเจ็บปวดของการที่เห็นคนที่ตัวเองรัก ไปรักกับคนอื่น
ใครบอกว่าความรักคือการไม่ครอบครอง ความรักคือการที่อีกฝ่ายมีความสุข
รักคือความเข้าใจ รักคือความเสียสละ ไร้สาระทั้งเพ
จะมีใครบ้างไม่อยากสมหวังกับคนที่ตัวเองรัก พอใจเพียงแค่เห็นรอยยิ้มอีกฝ่ายเท่านั้นหรอ
ไม่มีวัน! ไม่มีทาง!
เขายืนมองหยางหยางที่ขับรถออกไปกับลูกค้าคนนั้น
อี้เฟิงสินะ ชื่อคนที่เหยียบหัวใจเขาสลักลงในใจอย่างแน่นหนา มือที่กำเข้าหากันจนเจ็บยกขึ้นชกกำแพงระบายอารมณ์
ความเจ็บช้ำที่มี เลือดที่ไหล ไม่เท่าใจที่ถูกบีบรัด
เขาอยากตรงเข้าไปกระชากหยางหยางออกจากคนคนนั้น ให้หยางหยางกลับมายืนอยู่ข้าง ๆ
เขาเหมือนเดิม เขามันโง่ โง่เหลือเกินที่ไม่เคยจะบอกอีกฝ่ายตรง ๆ ว่ารู้สึกอย่างไร
ขี้ขลาดเหลือเกินที่กลัวว่ารอยยิ้มตรงหน้าจะหายไปถ้าเอ่ยปากบอก
เขลาเหลือเกินที่ได้แค่พอใจกับการที่ได้เป็นแค่คนที่หยางหยางเรียกว่าเพื่อนสนิท
โธ่โว้ย
เฉินเสียงข่มความเสียใจทั้งหลายทั้งปวง
เดินเข้าไปหลังร้าน แล้ว ลัดเลาะไปตามโต๊ะเก้าอี้ที่ถูกยกเก็บเพื่อทำความสะอาด
เพื่อจะมาชงเหล้าที่บาร์ของหยางหยางด้วยแต่เอง แต่ในขณะที่กำลังจะถึงเคาน์เตอร์
เขาเห็นเงาใครวูบไหวอยู่ที่บาร์
‘นั่นใคร’ ปกติหยางหยางจะเก็บบาร์ของเขาเรียบร้อยก่อนจะกลับบ้านอยู่แล้ว
เพราะฉะนั้นจึงไม่จำเป็นที่ใคร ๆ จะต้องมายุ่งกับบาร์แยกพิเศษนี้
เฉินเสียงหลบมุมเสา แอบมองอีกฝ่ายที่หยิบขวดเหล้าบนบาร์ของหยางหยางออกมา เปิดฝา
รินน้ำในขวดนั้นใส่ขวดใหม่ออกจนหมด
แล้วกรอกน้ำอะไรบางอย่างจากขวดสีดำที่ดูไม่น่าไว้ใจลงไป
คนคนนั้นเอาขวดเหล้าของหยางหยางเก็บที่เดิม แล้วเอาขวดที่มีคอกเทลออกไปจากบาร์
เฉินเสียงลอบเดินตามอีกฝ่ายไป
ในใจห่วงหยางหยางที่โดนสับเปลี่ยนเหล้าโดยไม่รู้ตัว ใครกันนะที่ทำแบบนี้
เมื่อเดินออกไปจนถึงหลังร้าน ก็เจออีกคนยืนอยู่ เหมือนกำลังรอใครบางคน เขาชะงัก
ยืนรอหลบมุม ภาวนาให้แสงจันทร์ส่องมาถึง
หรืออะไรสักอย่างที่ทำให้เขาเห็นหน้าอีกฝ่าย
“ไม่ต้องหลบหรอก
ออกมาเถอะเฉินเสียง” ผมสะดุ้งในใจ คนคนนี้ เสียงคุ้น ๆ แถมยัง...รู้จักผมเสียด้วย ใครกัน
อีกฝ่ายเป็นใครกัน ผมเดินก้าวออกมาจากที่หลบอย่างตัดสินใจได้
พร้อมเผชิญหน้ากับใครก็ตามที่อยู่ตรงข้าม
“วันนี้ไม่สบายไม่ใช่หรอนายน่ะ
แกล้งป่วยหรือไง” ฝ่ายตรงข้ามทักขึ้นเมื่อเห็นผมเลือกที่จะออกไปหาเขา
“เฮียป๋อหรัน!!!” ผมคิดไม่ถึง
คนตรงหน้าผมคือเฮียป๋อหรัน บาร์เทนเดอร์รุ่นพี่คนสนิทที่หยางหยางเคารพ
“เฮียทำอะไร”
“ก็เห็นไม่ใช่หรอ จะถามอีกทำไม หึ”
“เฮีย ทำไมทำไม
น้ำที่เอามาเปลี่ยนนั่นมันอะไร เฮีย เฮียทำไปทำไม” ผมถาม
ลืมความเจ็บปวดใจของตัวเองไปสนิท มีเพียงความห่วงใยและความไม่เข้าใจ
แต่ป๋อหรันยิ้ม แสยะยิ้มมุมปากจนผมสันหลังเย็นวาบ
“ทำไมนายถึงอยากรู้ล่ะเฉินเสียง
นี่ก็ไม่ใช่เรื่องของนายนะ หรือว่า หึหึหึ นึกแล้วไม่ผิด”
“หรือว่าอะไร พี่รู้อะไร”
“หึ มีแต่คนรักมันสินะ มันมีดีอะไร! ทำไมใคร ๆ ต้องเอ็นดูมัน ทำไม
ฮั่นเกอก็ตามใจมัน ลูกค้าก็ติดใจมัน มันเป็นแค่บาร์เทนเดอร์หน้าใหม่ อ่อนหัด
จะมาเทียบชั้นอะไรได้ แล้วแกก็ยังไปรักมันอีก ไอ้ลูกค้าหน้าหวานคนนั้นด้วยสินะ
บอกสิว่ามันมีอะไรดี!! ห๊า” ป๋อหรันกระชากเสียงถาม
แววตาวาวโรจน์
ผมผงะถอยหลัง
ไม่เคยคิดเลยซักนิดว่าคนตรงหน้าจะคิดแบบนี้กับหยางหยาง หมอนั่นรักเฮียป๋อหรันจะตาย
ไม่เคยหวงสูตรเหล้าของตัวเองที่คิดขึ้นได้ด้วยความยากลำบากซักนิดเวลาที่พี่ป๋อหรันขอ
บางทียังแนะนำลูกค้าของตัวเองให้ไปชิมฝีมือด้วยซ้ำ หยางหยางหงอยไปตั้งหลายวัน
คราวที่ป๋อหรันโกรธที่ฮั่นเกอทำบาร์ให้หยางหยาง ทำไมล่ะ หมอนั่นไปทำอะไรให้อีกฝ่ายคิดแบบนี้
“ทำไมกัน ทำไมเฮียคิดแบบนี้” ผมพึมพำออกมา
ใจเจ็บซ้ำสอง เจ็บแทนหยางหยางเหลือเกิน ถ้ารู้จะเป็นยังไงกัน จะผิดหวังแค่ไหน
จะเสียใจขนาดไหน คนที่รักคนที่เคารพ ไม่เคยรักอย่างที่แสดงออกเลย เจ็บกว่าที่บอกว่าเกลียดกันเสียอีก
คนที่รักคนที่ไว้ใจหักหลัง เจ็บจนแทบกระอัก ผมก้าวเท้าถอยหลัง
“หึหึ ฉันจะเอามันมาทั้งหมด สิ่งที่มันรัก
สิ่งที่มันเชื่อใจ สิ่งที่มันภูมิใจ ฉันจะทำลายมันด้วยมือของตัวเอง
ให้เหมือนกับตอนนั้นที่มันแย่งแฟนฉันไปไง”
“เฮีย หยางหยางไม่ได้แย่งแฟนเฮีย
หมอนั่นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเสี่ยวอิ๋งเป็นแฟนเฮีย เสี่ยวอิ๋งต่างหากที่มาจีบหยางหยาง
เฮีย เชื่อผมเถอะ หยางหยางไม่เกี่ยว ไม่รู้เรื่องเลย แถมยังไม่ได้คบกันเลยด้วยซ้ำ”
“แกอย่ามาปกป้องมัน ไม่ต้องมาโกหก
ไม่ต้องมาแก้ตัว ฉันไม่เชื่อ ไม่ได้คบกันอะไร ทำไมฉันเห็นมันกอดเสี่ยวอิ๋ง แถมยังจะจูบกัน
ฉันทำอะไรเพื่อง้อให้เธอกลับมา ก็ได้แต่โดนตะโกนใส่หน้าว่าฉันห่วยฉันไร้น้ำยา
สู้ไอ้เด็กเมื่อวานซืนนั่นไม่ได้ ไม่จริง ฉันไม่เชื่อ
แกคอยดูแล้วกันว่าฉันทำอะไรได้!”
ป๋อหรันตะโกนออกมาด้วยความกราดเกรี้ยว
ก่อนหมุนตัวปึงปังออกไป ผมทรุดตัวหลังพิงกำแพง วันนี้ผมรับรู้อะไรเยอะเหลือเกิน
เพลียไปทั้งกายและใจ ผมจะทำยังไงดี ผมจะเตือนหยางหยางดีไหม
จะเชื่อผมไหมถ้าผมบอกออกไป ผมคิดไม่ตก ยากเหลือเกิน แล้วถ้าผมไปคืนนี้
หยางหยางจะเปิดประตูต้อนรับผมหรือ.....
หยางหยางจอดรถ
ก่อนจะสะกิดคุณอี้เฟิงที่นั่งหลับมาตลอดทางให้เข้าบ้าน
ลูกค้าที่น่ารักของผมลืมตามามองอย่างงัวเงีย ขยี้ตาเหมือนเด็ก ๆ
ก่อนจะพาตัวเองลงมาจากรถ เดินงึมงำ ๆ เข้าบ้านผม หวั่น ๆ จะชนเสา
หรือไม่ก็สะดุดขั้นบันไดเล็ก ๆ อยู่หลายที
จนผมต้องเดินไปจูงมือนำทางขึ้นไปบนห้องของผม
ผมมองห้องรับแขกที่เฉินเสียงเคยใช้
ก่อนจูงมือคนน่ารักไปอีกทาง จะให้ไปนอนห้องรับแขกทำไมล่ะ เตียงผมก็ตั้งกว้าง
ผมเปิดประตูห้อง คนน่ารักเห็นเตียงก็เหมือนเจอสวรรค์
ถลาลงไปหาทิ้งตัวลงนอนอย่างสบาย ผมเดินไปนั่งอยู่ข้างเตียงอย่างเอ็นดู
ปัดปอยผมที่ปรกหน้าอี้เฟิงออก ก่อนจะโน้มตัวลงมาใช้แขนคร่อมคนที่กำลังหลับตาอยู่อย่างชั่งใจ
แต่ในชั่ววินาทีนั้น อี้เฟิงลืมตาขึ้นมามองผม
ในประกายตาไม่มีความง่วงงุนเหมือนอย่างที่เดินเข้ามาเลยซักนิด
“ไม่จูบหรอครับ” สิ้นคำพูดยั่วยวนทำลายหัวใจและโสตประสาทนั่น สติและความยับยั้งชั่งใจของผมก็หมดไปผมโน้มตัวลงไปแตะริมฝีปากของคนช่างยั่วตรงหน้า
ความนุ่มนิ่มหอมหวานที่ผมรับรู้ ผมจูบซ้ำ ๆ ย้ำ ๆ ลงไปจนริมฝีปากหวาน ๆ
นั่นเผยออกยั่วให้ผมคลั่ง ในหัวผมวิ้งค์ไปด้วยประกายแห่งความสุข
บรรยากาศสีแดงร้อนแรงอบอวลขึ้นช้า ๆ รอบตัวเราทั้งคู่ ผมขบเม้มริมฝีปากบางด้วยความรู้สึกเอิบอิ้มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย
ความสุขสมหวังเอ่อล้นขึ้นมาเต็มหัวใจ
ฝ่ามือลูบไล้ไปบนผิวขาวนวลซึ่งมีเสื้อผ้ากางกั้นระหว่างเรา
หยางหยางถอนจูบออกมาแล้วมองเข้าไปในตาของอี้เฟิง
เขาพบประกายไฟร้อนแรง ความปรารถนา และ ความหวานหอมของความรัก ดอกไม้เบ่งบานในใจ
ผีเสื้อนับล้านโบยบินไปในช่องท้อง
“คุณบาร์ อยากชิม กระซิบรัก ของผมบ้างไหม”
สติของผมถูกระชากด้วยคำพูดออดอ้อนอีกครั้ง คนตรงหน้าร้ายกาจนัก
รู้ดีเหลือเกินว่าจะทำร้ายจิตใจผมให้กระเจิดกระเจิงด้วยวิธีไหน
อี้เฟิงดันตัวเองลุกจากเตียง สองมือโอบรอบคอผม โน้มใบหน้าแสนน่ารักนั่นเข้ามาใกล้
ๆ ผมหัวสมองเหมือนถูกไฟช็อต ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่นั่งนิ่ง ๆ
ให้อี้เฟิงคลานขึ้นมานั่งบนตัก
ก่อนที่คนน่ารักจะกระซิบถ้อยคำหวานจนไซรัปบนบาร์ของผมยังอาย
“อี้เฟิงรักคุณบาร์” สงสัยคำคำนี้จะติดหัวผมไปจนวันตาย
ผมโน้นตัวลงมาหวังจะให้รางวัลคำพูดแสนหวานนั่น
แต่เสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้นเสียก่อน ผมชะงัก ตอนแรก
คิดว่าจะไม่สนใจเสียงโทรศัพท์นิสัยเสียที่โทรมาขัดจังหวะผม แต่พอเหลือบตาไปมอง
รูปที่โชว์สายโทรเข้าคือเฉินเสียง ผมนึกขึ้นได้ทันทีว่าเพื่อนผมไม่สบาย
จึงจุ๊บอี้เฟิงที่ปากเร็ว ๆ ทีหนึ่งและเอื้อมมือไปรับโทรศัพท์
“ว่าไงเฉินเสียง ไม่สบายเป็นยังไงบ้าง”
“หยางหยาง นายอยู่บ้านใช่มั้ย ฉันมีเรื่องจะเตือนนาย”
“เฮ้ นายเป็นอะไร ไม่สบายจนเพี้ยนหนักหรือเปล่า”
“ฉันไม่ได้เป็นอะไร แต่แค่ฉันจะบอกนายว่าพี่ป๋อหรัน...
ตื้ด ตื๊ด ตื๊ด.....”
“เฮ้ เฮ้ เฉินเสียง เป็นอะไรของเขานะ สงสัยจะละเมอ”
ผมวางโทรศัพท์ลงที่หัวเตียง และ กลับมาให้ความสนใจคนบนตักอีกครั้ง
“คุณบาร์ กระซิบรักของผม อร่อยสู้ของคุณได้ไหม”
“มากเกินไปเลยล่ะครับ
ดีกรีแรงจนบาร์เทนเดอร์อย่างผมเมาเลยครับ”
“แต่ผมไม่ได้ชอบกระซิบรักที่สุดหรอกนะคุณบาร์
ที่ผมชอบน่ะ คือ Love in dark night ที่คุณเคยชงให้มากกว่า”
“อยากได้มั้ยละครับ แต่วันนี้ไม่ใช่ Dark night แต่จะเป็น Sweet night นะครับ”
ผมพูดจบก็ไม่สามารถคิดอะไรได้อีก
เมื่ออี้เฟิงเงยหน้าขึ้นมาจูบปิดปากผมเสียแล้ว
ความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลในตัวผมสั่งให้ผมจูบตอบกลับไปด้วยความร้อนแรงพอกัน
รอยจูบร้อนแรงโลมเลียความรู้สึกให้โหมกระพือในคืนร้อนเร่าราวกับดื่มแอลกฮอล์รวดเดียวทั้งแก้ว
ลิ้นร้อน ๆ ลากรอยจูบไปสำรวจตรวจตราไปทั้งโพรงปาก ก่อนจะถอนจูบออกมาจูบย้ำ ๆ
ที่มุมปาก
“รักครับ รัก”
ผมกระซิบใส่หูคนน่ารัก แล้วกดจูบไปที่ลำคอขาวผ่องที่โผล่พ้นเสื้อ
“อย่า อย่าดูดนะ เดี๋ยวเป็นรอย”
“ถ้ากลัวคนเห็น ทำตรงที่ไม่เห็นก็ได้ใช่ไหม”
“อะ งะ เงียบไปเลยนะ อื้อ”
หยางหยางเลื่อนมือปลุดกระดุมอี้เฟิงอย่างเชื่องช้า
มองเข้าไปยังดวงตาหวานเชื่อมที่ปลุกเร้าเขาได้อย่างง่ายดาย
“ช้า” คนน่ารักบ่น
“เรามีเวลาทั้งคืนนะครับ พรุ่งนี้คุณก็หยุดนี่นา”
“แต่คุณบาร์ไม่หยุด”
“ผมไปทำงานได้อยู่แล้วละครับ หึหึหึ” ผมพูดพลางก้มลงจูบมุมปากอีกฝ่ายอีกครั้ง คราวนี้จูบไล่ลงมายังไหล่ขาว ๆ ไหปลาร้า กดจูบย้ำ ตรงตำแหน่งหัวใจ ฝากความรักเอาไว้เป็นรอยแดงช้ำจากการดูดดึงและขบกัด มือทั้งสองข้างประสานกันทำงานอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
“หัวใจคุณเต้นแรงนะอี้เฟิง”
“บ้า” อี้เฟิงตอบพลางหอบหายใจ
ใบหน้าแเดงเรื่อ ริมฝีปากห่อน้อย ๆ กอบโกยอากาศหายใจเข้าปอด
หยางหยางเห็นก็อดไม่ได้ที่จะก้มลงไปฟัดกับแก้มเนียน
แล้วเลื่อนมือเตรียมปลดกระดุมกางเกงของอีกฝ่าย
“ปังๆๆๆๆ หยางหยาง หยางหยาง”
เสียงทุบประตูหน้าบ้านดังระรัวพร้อมกับเสียงเรียกหาเจ้าของบ้านดังลั่น
เจ้าตัวถึงกับส่ายศีรษะอย่างหงุดหงิด
ก่อนจะผละจากร่างนุ่มนิ่มที่กำลังทิ้งตัวลงนอนกับเตียง
“รอผมแปปนะครับอี้เฟิง”
“อื้อ”
หยางหยางลงไปเปิดประตูหน้าบ้านก็พบกับเฉินเสียงที่มีเหงื่อโทรมกายราวกับเพิ่งจบการวิ่งมาราธอน
“มาทำไมป่านนี้เฉินเสียง นายไม่สบายนะ”
“ก็ฉันบอกแล้วไงว่าไม่เป็นไร ฉันจะมาบอกนาย”
“บอกฉันเรื่องอะไร”
“เฮียป๋อหรัน”
“เฮียทำไม”
“นายตั้งใจฟังนะหยางหยาง เฮียป๋อหรันเอาน้ำอะไรไม่รู้มาสับเปลี่ยนกับเหล้าในเคาน์เตอร์นายเมื่อกี้ ฉันเห็น แต่ฉันจำไม่ได้แล้วว่าขวดไหน มันมืดมาก”
“เดี๋ยว เฮียจะทำแบบนั้นทำไม นายฝันหรือเปล่า”
“เฮียเกลียดนาย เฮียป๋อหรันอิจฉานาย โกรธนาย เขาคิดว่านายแย่งเสี่ยวอิ๋งไปจากเขา เขาบอกกับฉันว่าจะทำให้นายพัง จะแย่งทุกอย่างมาจากนาย ทุกสิ่งที่นายรัก ที่นายภาคภูมิใจ เขาจะทำลายมัน”
“นายอย่ามาอำฉันเลยเฉินเสียง นี่นายจะนอนที่นี่ไหม ไม่สบายก็อย่าฟุ้งซ่านสิ ไป ๆ พักผ่อนดีกว่า”
“ฉันจริงจังหยางหยาง ฉันไม่ได้เมา ไม่ได้ไม่สบาย สติดีทุกอย่าง”
“โอเค ๆ ฉันเชื่อ ไปเถอะ นอนได้แล้ว ดึกมากแล้ว จะนอนที่นี่หรือจะกลับบ้าน”
“หึ ฉันรู้ว่านายไม่เชื่อฉัน ฉันไม่มีหลักฐานให้นายนี่นา ฉันกลับละ บาย”
เฉินเสียงกลับไปแล้ว
หยางหยางปิดประตูบ้าน เดินไปที่เคาน์เตอร์บาร์ของตัวเอง ชงคอกเทลอีกสองแก้ว
สำหรับตัวเองและคนที่รออยู่บนห้อง แต่พอเข้าไป ก็ไม่เจออี้เฟิงนอนอยู่บนเตียง
แต่ได้ยินอีกคนผิวปากฮัมเพลงในลำคอ จึงวางแก้วคอกเทลไว้ แล้วปลดเสื้อผ้าตัวเอง
“อี้เฟิง ผมอาบน้ำด้วยคนได้ไหม”
“ไม่ได้ ไปนอนเลย อี้เฟิงง่วงแล้ว”
“ง่วงจริงหรอครับ แต่ผม ‘ตื่น’ เสียแล้ว”
ผมเดินเข้าไปจับลูกบิดประตูห้องน้ำ ซึ่งมันไม่ได้ล็อก…………………
อุณหภูมิในห้องน้ำวันนี้ร้อนจังเลย
สงสัยคงต้องออกไปข้างนอกแล้วล่ะ ตัวเปื่อยหมดแล้วนะ อี้เฟิง…………..
--------------------------To Be
Continue---------------------------
ขอค็อกเทลราดลงไปในกองไฟนี้ได้ไหม?
ตอบลบ