Drunk in love 4 : console

DRUNK IN LOVE
(AU : YangFeng Fiction) : Essorhino
คำเตือน : ฟิคเรื่องนี้ ชายรักชายนะคะ แล้วก็เป็นจินตนาการของผู้แต่งเท่านั่น โปรดใช้วิจารณญาณค่ะ

บทที่ 4 : Console








CR.Pic : www.bartendercocktail.net




          จริง ๆ แล้ว ผมไม่เคยดื่มเหล้าเวลาทำงาน ผมจะดื่มเฉพาะเวลาที่ผมกำลังคิดสูตรคอกเทลใหม่ ๆ ซึ่งต้องลองชิมก่อน แต่หลังจากออนเดอะร็อกแก้วนั้น ชำระความหน่วงในใจผมได้ไม่หมด ผมหันไปชง B53 เหล้าร้อนที่มีส่วนประกอบของเหล้า 3 ชนิด คือ เหล้ากาแฟ (Kahlua) เหล้าครีมนม (Bailey’s) และว็อดก้า (Vodka) จุดไฟหลังจากรินส่วนผสมเป็นชั้น ๆ ลงในแก้ว เทแก้วแรกของตัวเอง และแก้วที่ 2 สำหรับเพื่อนสนิทที่ร้องเพลงเสร็จก็มานั่งแปะอยู่หน้าบาร์ราวกับรู้ว่าผมไม่เหมือนเดิม





ปกติเฉินเสียงร้องเพลงจบ ก็จะเข้าไปที่หลังร้าน เปลี่ยนเครื่องแต่งตัว แล้วกลับบ้าน หรือถ้าวันไหนมีคิวร้องเพลงที่อื่น เขาก็จะรีบออกไปให้ทันงานของเขา แต่วันนี้ เพื่อนคนนี้มานั่งที่บาร์ อีกฟากมีคุณอี้เฟิง และคุณเฉินเหว่ยถิง นั่งหัวเราะหยอกล้อกันอยู่ เฉินเสียงไม่พูดอะไร ได้แต่มองมาที่ผมนิ่ง ๆ นั่งดื่มเหล้าที่ผมชงให้เงียบ ๆ ไม่ถามอะไร ผมทำงานของผมไป ยิ้มให้ลูกค้า พูดคุยกับสาว ๆ ที่แวะเข้ามาทักทาย ก่อนจะโบกมือลาคุณอี้เฟิงที่ขอตัวกลับพร้อมคุณเฉิน ผมถอนหายใจออกมา ก่อนเดินไปเก็บแก้วเตรียมเอาไปล้าง ก่อนชะงักกับกระดาษแผ่นหนึ่งที่วางไว้ข้างแก้วคุณอี้เฟิง มีข้อคามสั้น ๆ เขียนเอาไว้ ว่า ตู้เย็นผมมองข้อความที่ว่าอย่างไม่เข้าใจ ก่อนเก็บกระดาษแผ่นนั่นลงกระเป๋า เก็บแก้ว แล้วทำงานต่อไป






เฉินเสียงยังนั่งอยู่ที่บาร์ของผมจนร้านปิด ตั้งแต่ที่เขามานั่ง จนตอนนี้เขาก็ไม่ได้พูดอะไรซักคำ เป็นความเงียบที่ผมนึกขอบคุณ ผมยังไม่พร้อมจะพูดอะไร ในเมื่อผมยังไม่รู้เลยว่าผมเป็นอะไรกันแน่ ผมอิจฉา หรือผมเป็นอะไร ผมหงุดหงิด ที่ปกติอยู่กับผม คุณอี้เฟิงไม่มีบรรยากาศสบาย ๆ อ่อนโยนแบบนี้ ผมไม่เคยเห็นแววตาแบบที่คุณอี้เฟิงมองคุณเฉิน แววตาแห่งความเชื่อใจ ทั้งคำพูด ทั้งท่าทางแบบนั้น ผมไม่เคยเจอเลยสักครั้ง





ผมเก็บของเสร็จเตรียมจะกลับบ้าน พยักหน้าบอกเฉินเสียงที่ยังนั่งอยู่ เขาลุกขึ้น เอาแขนมาคล้องคอผม แล้วเดินตามออกมาจากร้านด้วยกัน





“วันนี้ฉันจะไปนอนบ้านนายแล้วกัน ขี้เกียจกลับบ้าน” เขาพูดขึ้น และไม่รอคำปฏิเสธ ผมไม่ทันส่งเสียงอะไรเพราะกำลังไม่มีสติ เฉินเสียงลากผมไปที่รถของเขา ยัดผมใส่รถ แล้วขับออกไปที่บ้านผมทันที ระหว่างทางผมกับเฉินเสียงก็ไม่ได้พูดคุยกันอีก ผมมองออกไปข้างหน้าต่าง ปล่อยให้วิวยามค่ำคืนเคลื่อนผ่านไปจนกระทั่งถึงบ้าน ผมลงจากรถ ไขกุญแจบ้าน เฉินเสียงเดินตามเข้ามา ตรงดิ่งไปนั่งแปะที่โซฟา





“ขออะไรเย็น ๆ กินหน่อยได้ไหม น้ำเปล่าก็ได้” ผมตอบรับคำขอของเขาด้วยการเดินเข้าครัว เปิดตู้เย็น รินน้ำ แต่ก่อนจะปิดตู้เย็น ผมนึกถึงโน้ตลายมือคุณอี้เฟิง จึงสำรวจว่าตู้เย็นของผม มีอะไรที่ผิดปกติหรือเปล่า แต่ก็ไม่มี จะมีก็แต่ช็อกโกแลต 1 ในสามแท่งสุดท้ายที่อาทิตย์ก่อนคุณอี้เฟิงให้ผมตอนดูหนังด้วยกันแช่อยู่ ผมไม่ได้สนใจ ปิดประตูแล้วเอาน้ำไปให้เฉินเสียง





“ขอบใจ............”เขาพูดแล้วเงียบไปพักใหญ่ ผมไม่พูดอะไร แต่ทรุดตัวนั่งลงที่โซฟาตัวเดียวกัน



“นายน่ะ ชอบเค้าใช่ไหม ผู้ชายคนนั้นน่ะ” เขาพูด พลางหันมามองหน้าผม แล้วก็เงียบไป รอคอยคำตอบแบบไม่คาดคั้นอะไรมากกว่านี้ ผมทบทวนคำพูด และความรู้สึกของตัวเองทั้งหมด แล้วตอบกลับไป




เปล่า ฉันไม่ได้ชอบเขา ฉันรักเขา” เฉินเสียงยังคงเงียบ แต่สายตาวูบไหว ผมเหมือนได้จังหวะพูด เลยไม่ได้สังเกตท่าทางอะไรของเพื่อนคนนี้ ก็ยังคงพูดออกไปราวท่อประปาแตก




“ฉันรักบรรยากาศรอบตัวอี้เฟิง ฉันชอบเวลาเขายิ้มแล้วโลกจะสดใส เวลาที่อ้อนอยากกินอะไรซักอย่างแล้วฉันก็จะพ่ายแพ้ ฉันชอบเสียงของเขาที่เรียกฉันว่าคุณบาร์ ไม่มีใครเป็นเหมือนเขาเลย ฉันเหมือนเป็นคนบ้าที่รอทุกวันศุกร์ รอว่าเขาจะมาหา ถึงแม้ว่าเราไม่เคยนัดกัน ชอบเวลาที่เขาชิมคอกเทลฉันแล้วทำสีหน้าพึงพอใจ รักเวลาที่เขาสบายใจจนกล้าหลับในบ้านฉัน นอนที่โซฟาตัวนี้ ดีใจที่เขาชอบอาหารที่ฉันทำ ฉันรู้แล้วเฉินเสียง ฉันรักคุณอี้เฟิง”



“นายแน่ใจแล้วใช่ไหมที่พูดออกมา”




“ฉันคิดว่าฉันแน่ใจ วันนี้เขาพาลูกค้าที่สนิทกันถึงขนาดเรียกเกอ หัวเราะหยอกล้อกอดคอกัน แค่ฉันเห็นฉันก็ทนไม่ได้ ในใจมันร้อนผ่าวไปหมด หัวสมองโล่ง ความอิจฉาตีรวนขึ้นมาในอก มันเจ็บไปหมด ที่จริง ๆ แล้วฉันไม่ได้เป็นอะไรกับเขา ฉันไม่มีสิทธิ์กระทั่งหวงรอยยิ้มนั้นไว้กับตัว ที่จริงแล้วฉันไม่มีอะไรเลย ไม่รู้อะไรเลยด้วยซ้ำ เบอร์เขาฉันก็ไม่มี เขาอยู่ที่ไหนฉันก็ไม่รู้ ฉันรู้แค่ว่าเขาทำงานเป็น AE รู้แค่เขาหยุดเสาร์อาทิตย์ รู้ว่าเขาจะมาที่ร้านทุกวันศุกร์ รู้ว่าเขาชอบกินของหวาน ชอบคนตามใจ ชอบความสนุก แค่นี้เอง แค่นี้ที่ฉันรู้ ฉันก็รักเขาแล้ว ช่างเถอะ นายคงไม่เข้าใจ ไปอาบน้ำนอนเถอะ ขอบใจมากที่รับฟัง” ผมพูดจบ ลุกขึ้นหยิบแก้วน้ำเดินเข้าไปในครัว จึงไม่ได้ยินเสียงของเพื่อนที่พึมพำเบา ๆ



“นายไม่รู้อะไรจริง ๆ นั่นแหละ ทำไมฉันจะไม่เข้าใจล่ะ หยางหยาง .......”




ผมกลับออกมาจากครัว ก็ไม่เห็นเฉินเสียงอยู่ที่ห้องนั่งเล่นแล้ว จึงเดินกลับไปที่ห้องของตัวเอง หยิบผ้าเช็ดตัวและเสื้อผ้าสำรอง เอาไปให้เขาที่ห้องพักแขก ได้ยินเสียงเขาอยู่ในห้องน้ำ จึงจะโกนบอกว่าเอาของมาให้ วางอยู่ปลายเตียง ได้ยินเสียงอีกฝ่ายตอบกลับว่ารับรู้แล้ว ผมจึงเดินออกมา กลับไปจัดการตัวเองแล้วเข้านอน




เช้าวันรุ่งขึ้นผมตื่นสาย ลงมาเห็นโน้ตที่แปะไว้หน้าตู้เย็นว่าอีกฝ่ายกลับไปตั้งแต่เช้าตรู่เนื่องจากมีงานตอน 10 โมง ผมมองนาฬิกา 11 โมง ปกติผมไม่ตื่นสายขนาดนี้เลย ผมเปิดตู้เย็น หยิบของสดที่ซื้อติดไว้ทำอะไรกินง่าย ๆ หลังจากที่ทานข้าวเช้ารวบมื้อกลางวันไปเรียบร้อย ผมนึกถึงช็อกโกแลตของคุณอี้เฟิง จึงเดินไปหยิบออกมาแกะ แต่ผมก็เห็นสติ๊กเกอร์แปลก ๆ ชิ้นเล็ก ๆ แปะอยู่ที่ช็อกโกแลตแท่งนั้น ผมแกะสติ๊กเกอร์ออก สังเกตเห็นตัวเลข 10 ตัวเขียนด้วยลายมือคุณอี้เฟิงบนนั้น





ผมขมวดคิ้ว ตัวเลขพวกนี้ดูดีดี ผมก็พบว่ามันคือเบอร์โทรศัพท์ ผมใจเต้นแรงในทันที นึกถึงคำพูดวันนั้นของคุณอี้เฟิง



ผม ผมขอเบอร์คุณไว้ได้ไหม เผื่อวันไหนผมหยุด ผมจะโทรไปบอกคุณ
ถ้าอยากได้...ลองหาดูดีดีนะครับ ผมให้ไปแล้วล่ะ...




คุณอี้เฟิงให้มาแล้วจริง ๆ สินะ ทำไมผมไม่เคยนึกถึงเลย จนกระทั่งอีกฝ่ายคงรู้ว่าผมหาไม่เจอเลยทิ้งโน้ตไว้แบบนั้น ผมหัวเราะกับตัวเอง ทำไมโง่แบบนี้ล่ะ




ผมเมมเบอร์คุณอี้เฟิงไว้ในโทรศัพท์ จากนั้นรวบรวมความกล้าจิ้มไปที่ปุ่มโทรออก รอสายอยู่ไม่นาน ปลายสายก็รับโทรศัพท์ผม



“สวัสดีครับ หลีอี้เฟิงครับ”


“เอ่อ สวัสดีครับ คุณอี้เฟิง ผมหยางหยาง”


“ใครนะครับ”


“หยางหยาง บาร์เทนเดอร์ร้าน The secret ไงครับ”


“ฮ่า ๆ ผมรู้ครับ หาเจอแล้วหรอครับ ใช้เวลานานจังนะครับ” ปลายเสียงส่งเสียงแซวพร้อมเสียงหัวเราะอย่างขบขัน ผมรู้สึกเขินเล็กน้อยที่มัวแต่ทำอะไรไม่รู้อยู่ตั้งนาน


“ครับ เจอแล้ว คิดไม่ถึงจริง ๆ ครับ”


“อ้อ คุณบาร์ วันนี้ทำงานหรือเปล่า”


“ทำครับ อาทิตย์นี้ผมหยุดไปแล้วเมื่อวันพุธ จะได้หยุดอีกทีก็วันอาทิตย์หน้าเลย มีอะไรหรืเปล่าครับ”


“อ๋อเปล่าหรอก ถิงเกอนะสิ...” แค่ได้ยินคุณอี้เฟิงพูดถึงคนคนนั้นใจผมก็ร้อนจนอึดอัด


“...ถิงเกอติดใจฝีมือคุณบาร์ ก็เลยจะพาภรรยาของเขาไปลองชิมคอกเทลด้วย เห็นบอกว่าอยากเปลี่ยนบรรยากาศ ก็เลยถามผมเมื่อคืน ผมเองก็งงงง เลยไม่ได้ถามคุณไว้ ดีใจจังที่คุณหาเบอร์ผมเจอสักที ผมรอตั้งนานรู้ไหม” เสียงหวาน ๆ พูดประโยคต่อมา ใจผมคลายลงอย่างรวดเร็วแล้วเต้นอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง



“ภรรยา? คุณเฉินแต่งงานแล้วหรอครับ” ผมถาม พยายามควบคุมเสียงไม่ให้ดูตื่นเต้นจนเกินไป



“อ๋อ ครับ ถิงเกอแต่งงานเมื่อเดือนก่อน เพิ่งกลับมาจากฮันนีมูนได้ไม่นาน เจ้าสาวถิงเกอก็พี่สาวผมเองนี่ละครับ ฮ่าๆ”


“อ่า แล้วคุณเฉินจะมาที่ร้านวันนี้หรอครับ แล้ว คุณอี้เฟิงจะมาด้วยไหม”


“แหม ถ้าวันนี้มีคนเลี้ยงก็คงไปนะครับ ไปดื่มคอกเทลทุกอาทิตย์แบบนี้ผมจนแย่แล้ว” คุณอี้เฟิงบ่นเสียงกระเง้ากระงอดออกมา ผมยิ้มอย่างยินดี หัวใจกลับมามีแรง ความอึดอัดเมฆหมอกในใจหายไปไม่มีเหลือ


“ผมเลี้ยงก็ได้นะครับ ถือว่าตอบแทนที่พาลูกค้าใหม่มาให้ผม”


“คุณบาร์ใจดีตลอดเลย แล้วคืนนี้เจอกันนะครับ บาย” คนน่ารักส่งเสียงหวานกลับมาแล้วขอตัววางสายไป ผมยิ้มจนรู้สึกเหมือนว่าแก้มจะแตก ลืมไปเลยว่าเมื่อคืนตัวเองยังรู้สึกจะเป็นจะตาย



ผมมองนาฬิกา จึงลุกไปอาบน้ำแต่งตัวอย่างอารมณ์ดี ผมเลือกชุดอย่างพิถีพิถัน วันนี้ผมตั้งใจแต่งตัวหล่อเป็นพิเศษ ฉีดน้ำหอมกลิ่นโปรด  Mont Blanc Emblem ก่อนออกจากบ้าน พร้อมทำงานอย่างอารมณ์ดี




“คืนนี้เจอกันนะครับ คุณอี้เฟิงของผม”








------------------------------------To be Continue-----------------------------------

ความคิดเห็น

  1. แหมมมมมมมม คุณบาาาาาาาาาาาาร์ ดีใจลิงโลดเลยสินะพี่เฮียถิงแต่งงานแล้วเนี่ย
    มัวแต่คิดมากอกหักล่วงหน้าไปเองคนเดียวตั้งนาน
    เดินหน้าจีบเลยจ้ะ อย่ามัวรอช้า 555
    เอ๊ะ หรือรอตั้งรับให้คุณลูกค้าจีบดี อิอิ

    ตอบลบ

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Fic: (AU) ถิงออล : นายพลหื่น #1

Fic: (AU) ถิงออล : นายพลหื่น #3

(AU) SF FIC : TO BE LOVE #เกอกินเด็ก : #2 [ถิงหยวน]