Drunk in love 3 : spinach
บทที่ 3 : spinach
วันนี้ผมตื่นแต่เช้า
หลังจากที่เมื่อวานนอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อยถึงคุณอี้เฟิงจนหลับไป ใบหน้าหวาน ๆ
แก้มใส ๆ รอยยิ้มสวย ๆ นั่นติดตาผมไปจนกระทั่งในฝัน ผมกลับมาทบทวนตัวเอง ช่วงหลัง
ๆ คุณอี้เฟิงเข้ามาในความคิดของผมบ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเป็นตอนที่ผมชงเหล้าให้ลูกค้า
ตอนปั่นจักรยานกลับบ้าน ตอนฟังเพลง ทำกับข้าว หรือแม้กระทั่งก่อนนอน ผมพบว่าผมคิดถึงคุณอี้เฟิงตลอดเวลาไม่ว่าจะทำอะไร
ทั้ง ๆ ที่เราเจอกันเฉพาะวันศุกร์ และบางครั้งที่ผมสามารถหยุดวันอาทิตย์ได้
ผมยิ้มออกมาอีกครั้งเมื่อคิดถึงเมื่อวันอาทิตย์ก่อน
ผมบอกคุณอี้เฟิงไว้ว่าอาทิตย์นี้จะหยุดวันอาทิตย์ ถ้าเขาว่างก็คงได้เจอกัน
เช้าวันนั้นที่ผมกำลังจะไปหาหนังซักเรื่องมาดูที่บ้าน พอเปิดประตูออกมา ก็ ‘บังเอิญ’ เจอคนน่ารัก
ชูถุงขนมถุงใหญ่ แล้วบอกว่า ‘ดูหนังกัน’
คุณอี้เฟิงเห็นผมเหวอ ก็ถือวิสาสะเดินเข้าบ้าน วางถุงขนมไปที่ห้องนั่งเล่น
หยิบแผ่นซีดีออกมาจากกระเป๋า นั่งลงตรงโซฟา
แล้วกวักมือเรียกผมที่ยังยืนงงอยู่หน้าบ้าน
“คุณบาร์เข้ามาสิครับ
ยืนงงอะไรอยู่” ผมหายตะลึงแล้วเดินกลับเข้าบ้าน ผมไม่คิดจริง ๆ ว่าอีกคนจะมาถึงที่บ้านตามคำชวนของผม
แต่เพราะผมไม่มีเบอร์ติดต่ออีกฝ่าย ทั้ง ๆ ที่เราเจอกันหลายครั้ง ผมไม่เคยขอ
และคนตรงหน้าก็ไม่ได้คิดจะให้ มีเพียงจังหวะและความคุ้นเคยของเรา
ทำให้ทุกอย่างผ่านไป
ผมเริ่มคุ้นเคยกับบรรยากาศรอบตัวคุณอี้เฟิงที่เปลี่ยนไปตามอารมณ์ของคนตรงหน้า
วันนี้ซึ่งดูอารมณ์ดีจนฟ้าสดใส ผมเดินเลยผ่านเข้าไปในครัว และ หยิบเตกีล่า Blue Curacao Lemon juice Sugar syrup ใส่ส่วนผสมทั้งหมดเช็คให้เข้ากันพร้อมน้ำแข็ง
เทลงในแก้วที่เอาน้ำมะนาวถูปากแก้ว เคลือบด้วยเกลือ แล้วเสียบด้วยมะนาวฝาน
ต้องโทษความเป็นบาร์เทนเดอร์ที่ผมจะมีเหล้าและส่วนผสมคอกเทลติดบ้าน
เวลาว่าง ๆ ก็จะขลุกอยู่ในบาร์ที่บ้าน คิดสูตรใหม่ ๆ ออกมา
ซึ่งก่อนหน้าจะเจอคุณอี้เฟิง ผมไม่มีแม้แต่อารมณ์จะชงเหล้า ไม่มีสูตรใหม่ ๆ
ไปเสิร์ฟที่ร้าน จนกระทั่งพักหลัง ผมเอาแต่ชงเหล้าสูตรใหม่ ๆ
ให้กับคุณอี้เฟิงตอนไปที่ร้าน จนเฮียป๋อหรันบาร์เทนเดอร์รุ่นพี่มาแอบชิมแล้วขอสูตรไปทำให้ลูกค้าของเขาบ้างก็มี
ผมเดินหยิบเอา
Blue Margarita ที่ชงไว้เอาไปให้คนที่นั่งอยู่หน้าเครื่องเล่นซีดี
ผมเหลือบมองเรื่องที่คนน่ารักกำลังจะเปิด ‘Vampire Twilight’ ผมยิ้ม นั่นเป็นหนึ่งในหนังเรื่องโปรดของผม ผมวางเครื่องดื่มลงบนโต๊ะ
นั่งลงบนโซฟา เอื้อมมือไปหยิบถุงขนมที่วางอยู่บนโต๊ะออกมา
แต่คุณอี้เฟิงหันกลับมาคว้าถุงขนม เดินอ้อมโต๊ะกลับมานั่งบนโซฟาใกล้ ๆ ผมแทน
“อ่ะ
นี่ของคุณบาร์ ที่เหลือหมดนี่ของผม” คุณอี้เฟิงยื่นช็อกโกแลตบาร์มาให้ผม 3 ชิ้น
ผมรับมาถือไว้พลางมองอีกคนคุ้ยขนมขึ้นมาแล้วกองบนโต๊ะ
จิบเครื่องดื่มที่ผมวางไว้แล้วทำหน้าปลาบปลื้มในรสชาติ ก่อนจะนั่งพิงหลังบนโซฟา
คว้าหมอนลูกแกะใบโปรดของผมไปกอดแล้วตั้งใจดูหนังโดยไม่สนใจผมอีก ผมยิ้มแล้วส่ายหน้าไปมาอย่างเอ็นดู
แกะช็อคโกแลตขึ้นมาชิมแล้วสนใจกับหนังตรงหน้าบ้าง
ระหว่างที่ดูหนังไป คนข้าง ๆ ผมก็แกะขนมไป กินไปดูไป
ไม่ได้หันมาคุยอะไรกับผมอีก ผมเสียอีกที่ไม่ได้สนใจหนังเท่าที่ควร
เพราะพอเห็นอีกฝ่ายกินขนมไปซักพักก็ลุกขึ้นไปหยิบน้ำมาให้บ้าง
เห็นอีกฝ่ายเอามือลูบ ๆ แขนเหมือนว่าหนาว ผมก็เดินไปปรับแอร์ให้อากาศอุ่นขึ้น
แล้วเลยไปหยิบผ้าห่มสำรองออกมายื่นให้ ซึ่งอีกฝ่ายก็รับไปห่ม หันมาขอบคุณ
แล้วกลับไปใจจดใจจ่อกับหนังตามเดิม ผมจึงสบายใจและกลับมาสนใจเบลล่า และ
เอ็ดเวิร์ดบนจอต่อไป จบภาคก็จะลุกไปเปลี่ยนแผ่นให้ทีนึง จนผมจะลุกไปเปลี่ยนแผ่นอีกครั้ง
ผมหันกลับมามองคนตั้งใจดูหนังที่เงียบไป ก็พบว่า
อีกฝ่ายให้หนังดูตัวเองไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ผมปิดโทรทัศน์ มองนาฬิกา
เพิ่งจะสี่โมงกว่า ๆ ผมช่วยจับตัวคุณอี้เฟิงให้นอนบนโซฟาดีดี จะได้นอนหลับสบาย
ห่มผ้าห่มให้
ผมนั่งมองคนกำลังหลับสบายอย่างพิจารณาอีกครั้ง ขนตาหนา ๆ แก้มใส ๆ
จมูกโด่ง ๆ ปากบาง สีแดงสดเผยอขึ้นเล็กน้อย
แผงอกภายใต้เสื้อยืดสีขาวสะท้อนขึ้นลงตามจังหวะหายใจ ผมก้มหน้าลงไปหาปากแดง ๆ
หวังจะพิสูจน์ว่าปากที่ดูจะนิ่มนั่นจะหวานหรือเปล่า
ผมก้มลงไปเกือบจะชิดใบหน้าหวาน จนได้ยินเสียงหายใจ ได้กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ
จากอีกฝ่าย ผมรู้สึกตัววินาทีนั้น นี่ผมกำลังทำอะไร!
ผมเงยหน้าขึ้นมาจากใบหน้าน่ารักที่โจมตีผมกระทั่งตอนนอน ยกมือลูบหน้าแรง ๆ
แล้วรีบลุกขึ้น เดินหมุนตัวออกไปอย่างรวดเร็ว
จนไม่ได้หันมามองว่าคนที่นอนอยู่....ไม่ได้หลับ....
หลังจากที่ผมกลับมาจากการสงบสติอารมณ์
ผมก็กลับมาปลุกคนที่นอนอยู่บนโซฟาให้ตื่น เนื่องจากเวลาผ่านไปพอสมควร
ผมกลัวว่าถ้าคุณอี้เฟิงนอนนานกว่านี้ คืนนี้จะนอนไม่หลับเสียก่อน
พอคุณอี้เฟิงตื่นดีแล้ว เขาก็บอกลาผม แล้วเตรียมตัวจากไป
“เดี๋ยวครับ อี้เฟิง” ผมรั้งคนตรงหน้าไว้
คุณอี้เฟิงหันกลับมามองอย่างแปลกใจ
“มีอะไรหรอคุณบาร์”
“ผม ผมขอเบอร์คุณไว้ได้ไหม เผื่อวันไหนผมหยุด ผมจะโทรไปบอกคุณ”
ผมพูดออกไปแล้ว! คุณอี้เฟิงยิ้มใส่ตาผมจนผมตาพร่า
บรรยากาศรอบตัวผมสว่างไสวขึ้นในพริบตา
“ถ้าอยากได้...ลองหาดูดีดีนะครับ ผมให้ไปแล้วล่ะ...” คนพูดพูดขึ้น
แล้วปั่นจักรยานออกไปเลย ทิ้งให้ผมงงอีกครั้ง! ให้มาตอนไหนกัน!
หลังจากที่ผมพลิกบ้านหา ว่ามีโน้ต หรือ
กระดาษอะไรจากคุณอี้เฟิงหรือเปล่านั้น หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ ผมล้มเลิกความพยายาม
ไปอาบน้ำนอน เตรียมทำงานในวันต่อไป
วันนี้เป็นวันศุกร์ ผมมาทำงานเร็วกว่าปกติ แวะทักทายเพื่อน ๆ พี่ ๆ
ในที่ทำงานก่อนเดินมาที่คอกตัวเอง
“ไง หยางหยาง เดี๋ยวนี้ดูมีความสุขจังนะ ลูกค้าเยอะก็ได้เงินเยอะนี่นา”
“สวัสดีครับเฮียป๋อหรัน ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ
ลูกค้าก็ติดฝีมือเฮียจะตาย สาว ๆ รุมทุกวันนะ ผมเห็น”
“ก็ไม่เท่านายหรอก ดูสิ
ฝีมือดีจนฮั่นเกอยอมเปิดบาร์เฉพาะให้นายคนเดียวนี่ไม่ธรรมดาหรอกนะ” เฮียป๋อหรันพูดถึงพี่จางฮั่น
เจ้าของร้าน The Secret ที่ทำงานของพวกเรา
ฮั่นเกอเอ็นดูผมมาก เพราะความที่เรียนมาด้วยกัน พอเรียนจบพี่ฮั่นก็ชวนผมมาทำงานที่ร้าน
และยอมฟังคำขอของผมที่อยากให้แยกบาร์ออกมาต่างหาก พี่ ๆ คนอื่นในร้านพากันคัดค้าน
เฮียป๋อหรันถึงกับโกรธผมไปหลายวันที่ผมมีความคิดบ้า ๆ แต่ฮั่นเกอเข้าใจผม
และคิดแผนการตลาดออกมาให้บาร์ของผมเป็นบาร์ต่างหาก ใช้คอนเซ็ปตามชื่อร้าน ลูกค้าจะไม่รู้ว่าตัวเองจะได้ดื่มอะไร
เป็น The secret ให้ลูกค้ารู้สึกตื่นเต้น
ซึ่งผลตอบรับออกมาเป็นที่น่าพอใจจนพวกพี่ ๆ บาร์เทนเดอร์ก็คัดค้านไม่ได้
ผมยิ้มให้เฮียป๋อหรัน ก่อนจะขอตัวไปที่บาร์ เตรียมน้ำแข็ง และ เครื่องดื่ม
มิกซ์ทั้งหลายให้พร้อมสำหรับงานคืนนี้ ผมทำงานไปเรื่อย ๆ ฟังเพลงเพราะ ๆ
ของเพื่อนสนิทที่ร้องเพลงเสียงหล่ออยู่บนเวที มองลูกค้าไปเรื่อย ๆ
จับอารมณ์ลูกค้าแต่ละคนและชงเครื่องดื่มให้ด้วยความกระตือรือร้น ลึก ๆ ผมรู้
ผมกำลังรอเวลา รอใครบางคนที่จะมา
และแล้วเวลาสี่ทุ่มหน่อย ๆ ผมก็กวาดสายตาพบกับคนที่ผมรอคอย
ผมโฟกัสความรู้สึกไปที่คนคนนั้น แต่ว่า คุณอี้เฟิงไม่ได้มาคนเดียวเหมือนเคย วันนี้คนน่ารักมีคนมาด้วย
เดินหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน คนที่มากับคุณอี้เฟิงเป็นผู้ชายร่างสูง
หน้าตาหล่อเหลา มีบรรยากาศสบาย ๆ อ่อนโยนติดตัวเหมือนรอยยิ้มบนใบหน้า
เขามองคุณอี้เฟิงด้วยสายตาเอ็นดู พวกเขาทั้งสองคุยกัน และกำลังเดินมาทางบาร์ของผม ระหว่างทางชายคนนั้นยกมือขึ้นขยี้ศรีษะคุณอี้เฟิง
ซึ่งคุณอี้เฟิงส่งเสียงโวยวายเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ปัดป้อง...
ใจผมกระตุกอย่างแรง.....
“สวัสดีครับคุณบาร์” เสียงคุณอี้เฟิงทักผมทำให้ผมหลุดออกจากภวังค์อันดำมืด
“สวัสดีครับคุณอี้เฟิง วันนี้มากับใครหรอครับ” ประโยคแรก
ผมทักออกไปตามมารยาท แต่ประโยคหลัง นั่นคือความอยากรู้ของผม ผมหันไปมองผู้ชายข้าง
ๆ ตัวคุณอี้เฟิง บรรยากาศคนคนนี้เป็นแบบที่ผมไม่ค่อยเจอ บรรยากาศแบบคนดีมาก ๆ
อ่อนโยน อบอุ่น
“อ๋อ พี่เฉินเหว่ยถิง ลูกค้าผมเองครับ
ผมคุยให้ถิงเกอฟังว่ามาดื่มคอกเทลที่นี่บ่อย ถิงเกอเลยอยากมาด้วย
จะได้รู้ว่าทำไมผมถึงชอบที่นี่ไงครับคุณบาร์”
“คุณนี่เองคุณบาร์เทนเดอร์ อี้เฟิงพูดให้ฟังบ่อยว่าเก่ง”
คุณเฉินพูดพลางเอามือโยกศีรษะคุณอี้เฟิงอีกครั้ง คุณอี้เฟิงยิ้มรับ
บรรยากาศละมุนเข้ากันกับคนข้าง ๆ ตัว ผมได้แต่ใจกระตุก
ผมขอตัวออกไปชงเครื่องดื่มให้กับคนทั้งคู่ เลือก Red Devil เหล้าที่ผสมจาก Light
Rum, Black Rum, Amaretto, Mango Juice, Pineapple Juice และ Red
syrup เทส่วนผสมทั้งหมดลงกระบอกเช็คเกอร์ ใส่น้ำแข็งยูนิต
เขย่าด้วยความเร็วและแรงพอประมาณ เททั้งหมดลงแก้ว Long drink ตกแต่งด้วยส้มฝาน ลูกเชอร์รี่ ไม้คนยาว ใส่หลอดทั้ง 2 แก้ว และนำไปเสิร์ฟ
จากนั้นก็ปล่อยให้ทั้งสองคนคุยกันไป ไม่ได้เข้าไปคุยด้วยเหมือนเคย
ผมเดินไปเท Double black ใส่แล้วแบบออนเดอะร็อค
แล้วยกขึ้นดื่ม เหล้าแก้วนี้ ขมเหลือเกิน.....
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น